“คอลัมน์ตรวจการบ้าน” ต้องมาสนทนากับ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  จากนี้จะมีแนวทางตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลใหม่อย่างไร

โดย “วิโรจน์” เปิดประเด็นถึงการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ว่า พรรคก้าวไกลก็คงต้องจับมือกับพรรค ที่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลทำหน้าที่ฝ่ายค้าน โดยเป็นหน้าที่ของนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เป็นหลัก .ที่ต้องหารือกันในวิปฝ่ายค้านคงจะบินเดี่ยวไม่ได้  อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลเราซักซ้อมกันภายในพรรคเสมออยู่แล้ว ว่าหน้าที่ของ สส.  มีอยู่ 3 หน้าที่ คือ 1. เรื่องของการผลิต แก้ไข ทบทวนกฎหมาย เป็นงานสำคัญของอำนาจนิติบัญญัติ 2.การตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล และ 3.การเป็นเสียงสะท้อนปัญหาของประชาชน

ครั้งนี้จึงจะได้เห็นบทบาทของก้าวไกลที่ทรงสิทธิ์แห่งอำนาจนิติบัญญัติอย่างแท้จริง ผมคิดว่าเรื่องนี้ คือ สิ่งที่ประชาชนคาดหวังได้ และกฎหมายหลายอย่างสามารถขับเคลื่อนได้ เช่น ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ปฏิรูปกองทัพ บำนาญสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

“เราจะเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติอย่างจริงจังในฐานะผู้ผลิตกฎหมาย จะเป็นบทบาทที่ไม่เคยเห็นพรรคไหนทำมาก่อน จะเรียกว่าเป็นฝ่ายค้านที่เน้นเสนอกฎหมายมากกว่าหรือไม่ ก็ใช่ เพราะเราคือ Lawmaker (ผู้ร่างกฎหมาย)  ไม่ใช่แค่เสนอกฎหมายแต่ต้องแก้หรือยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย และไม่เป็นธรรมกับประชาชนด้วย นอกจากนั้นยังมีการติดตามตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล และการเป็นที่สะท้อนของเสียงประชาชนให้ใหญ่และดังขึ้นด้วย เราจะเป็นลำโพงให้กับประชาชน เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนต่างๆ พร้อมชนเพื่อประชาชนทั้งประเทศ  ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดเด่นของพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ยี่ห้อก้าวไกลทุกคนรู้กันอยู่แล้วก็คงอยู่บนเนื้อหาสาระ เราคงไม่ได้ตั้งธงด่าๆ เสร็จแล้วเรียกกล้วย กล้วยมาทุกอย่างจบ เราไม่มีอย่างนั้น”

@ การผลักดันกฎหมายต่างๆ ของพรรคก้าวไกลจะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลได้อย่างไร

คิดว่าถ้าเรื่องนั้นอยู่ในนโยบายช่วงหาเสียง คงเป็นข้ออ้างที่บอกว่าเป็นแค่การรณรงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งมันคงใช้บ่อยไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าทุกหน้ากระดาษที่คุณเขียนเอาไว้แจ้งประชาชน ทุกเวทีที่คุณเคยขึ้นปราศรัยกับประชาชน มันเพื่อการโฆษณาหมดหรือ อย่างนั้นก็คงไม่ใช่ ทุกเรื่องจะเป็นข้ออ้างว่าเพื่อการเมือง ก็คงอ้างได้แค่บางครั้ง แล้วสุดท้ายประชาชนก็จะจับจ้องว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่คุณเคยให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้พอถึงจังหวะที่คุณเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล คุณเป็นแกนนำจริงหรือเปล่า หรือคุณถูกจูง คุณเป็นแกนนำคุณมีอำนาจการต่อรองที่จะโน้มน้าว ครม.ให้เห็นชอบกับคุณหรือไม่ หรือคุณได้แต่สยบยอม

ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะเป็นของก้าวไกลหรือไม่และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ต้องลาออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่

เรื่องนี้ต้องหารือกัน ซึ่งเราไม่ได้คำนึงถึงตำแหน่งแห่งที่หรือคำนึงว่าเป็นผู้นำฝ่ายค้านมันเท่กว่าหรือยิ่งใหญ่กว่า  แต่เราคิดว่าตำแหน่งไหนที่เราทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากกว่า เช่น ถ้ารองประธานสภา ได้รับมอบหมายจากประธานสภาในเรื่องของการผ่านกฎหมายสำคัญเข้าสภา บรรจุกฎหมายสำคัญ เราอาจจะคิดว่าตำแหน่งรองประธานสภา อาจจะได้ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้มากกว่า แต่ถึงอย่างไรเราต้องพิจารณาถึงบทบาทการเป็นผู้นำฝ่ายค้านด้วยว่า อะไรเป็นบทบาทที่ดีกว่า ทั้งนี้ต้องมีการหารือภายในพรรคก่อนว่าตรงไหนดีที่สุดในการขับเคลื่อนนโยบายที่ให้คำมั่นไว้กับประชาชนได้มากกว่า  ซึ่งทุกคนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แล้วแต่มติพรรคจะเป็นอย่างไร

@การทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลของพรรคก้าวไกลจะปักหมุดในเรื่องไหนบ้าง

ตอนนี้ก็คงต้องดูก่อน อยู่ดีๆ จะไปตั้งธงว่า จะค้านเพื่อจะล้มรัฐบาลคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่า พรรคก้าวไกลไม่เคยตั้งธงว่า จะล้มรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ว่าพรรคก้าวไกลเราก็คงต้องตรวจสอบในเรื่องประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ การทุจริตคอร์รัปชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมขออนุญาตเรียกว่าเป็นรัฐบาลผสมในลักษณะที่แกนนำจัดตั้งรัฐบาลไร้อำนาจต่อรองแบบนี้ สุ่มเสี่ยงมากๆ ที่งบประมาณจะถูกแบ่งเค้ก ถูกจัดสรรแบบหลับตาข้างหนึ่ง และไม่เกรงอกเกรงใจไม่เห็นหัวประชาชน เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจสอบ นอกจากนั้น คือ เรื่องที่สังคมไทยต้องการปลดแอกสังคมไทยจากเผด็จการ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับของประชาชนอย่างแท้จริง

@ หลังพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับกับพรรค 2 ลุง คิดว่าจะมีมวลชนเสื้อแดงไหลมาทางพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นหรือไม่

หลายคนบอกเป็นการสลายขั้ว ผมคิดว่าไม่ใช่การสลาย แต่เป็นการข้ามขั้วไป จากนี้เราก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่ก้าวไกลจะใช้การทำงานและจุดยืนในการที่จะทำให้ประชาชนไว้วางใจ เริ่มต้นจากคนที่สนใจเป็นไว้วางใจ และจะกลายเป็นผู้สนับสนุน หลายพรรคการเมืองชอบขีดเส้นประชาชนว่าเป็นได้แค่ FC เป็นได้แค่ผู้สนับสนุนแต่เราไม่ได้ต้องการอย่างนั้น พรรคก้าวไกลต้องการให้ประชาชนข้ามเส้นมาเลย มาเป็นเจ้าของพรรคร่วมกันกับเรา จะเห็นได้ว่าพรรคการเมืองอื่นเวลาประชาชนด่าก็จะหูทวนลม ชี้แจงสั้นๆ สุดท้ายก็ทุบโต๊ะว่าจะเอาอย่างนี้ และให้แกนนำไปเคลียร์คนของคุณ แต่พรรคก้าวไกลไม่มีอย่างนั้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของมวลชน เราจะฟังประชาชนทางตรง ดังที่เราพูดเสมอว่า “พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค”

@ วันนี้สังคมไทยมีผีหรือปีศาจตัวใหม่คือพรรคก้าวไกลหรือไม่

คราวนี้เป็นผีน้อยแคสเปอร์ เพราะประชาชนรักผีตัวนี้ ยังไม่รู้ว่าผีหรืออะไร อาจจะเป็นลูกกรอกคะนองเดชก็ได้ แต่เป็นลูกกรอกที่ประชาชน 14 ล้านคนเลี้ยงเอาไว้ และตอนนี้อาจจะไม่ใช่แค่ 14 ล้านคนแล้ว ถ้ามองก้าวไกลเป็นผี เป็นลูกกรอก หรือเป็นกุมารทองตัวนี้ ตอนนี้น่าจะ 20 ล้านคนเช่าบูชาแล้ว ดังนั้นอย่าไปมองว่าใครเป็นผี เป็นปีศาจเลย ทุกอย่างเป็นไปตามหลักการของประชาธิปไตย ก้าวไกลคิดว่าประชาชนเลือกมา เราก็เคารพ แต่ฝ่ายศักดินาอนุรักษ์นิยมกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นพิธี เขาปักธงไว้แล้วว่า ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าเกิดไม่ได้ดั่งใจ ก็จะพยายามบิดกติกาเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่นี่ศตวรรษไหนแล้ว คุณยังจะหักหาญน้ำใจประชาชนต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ ต้นทุนที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายศักดินาต้องจ่ายแพงมาก เพราะหากวัฒนธรรม ค่านิยมในใจคนเปลี่ยนไปเมื่อไรก็แก้กลับมาไม่ได้แล้ว.