ในที่สุดหลังจากยักแย่ยักยันกันเป็นเดือน เราก็ได้รัฐบาล แม้จะค้านสายตาโหวตเตอร์คนรุ่นใหม่ที่แคนดิเดตของพรรคเสียงอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่..เพื่อให้ได้อำนาจเขาก็คงไม่แคร์ล่ะนะ หาพันหมื่นเหตุผลมาอ้าง ตีโวหารเรื่องหมั้นหมายกันไว้ จากนั้นกลายเป็นครวญคร่ำว่าถูกคลุมถุงชน ปล่อยบางพรรคออกมาด่าก้าวไกลว่าเพื่อนไม่คบ เพราะมีนโยบายสุดโต่ง อยู่เบื้องหลังม็อบ ส่งเสริมเยาวชนให้ก้าวร้าว ฯลฯ พันหมื่นเหตุผล …เหตุผลที่ทุเรศสุดคือการพูดทำนองว่า “เพราะเราไม่ได้แลนด์สไลด์ ถึงต้องไปจับขั้วรัฐบาลกับสองลุง” ซึ่งได้ยินว่าบางคนฟังแล้วความดันพุ่งปรี๊ดดดด…แบบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กลับมานอนคุกไม่ทันข้ามคืนความดันขึ้นเข้าโรงพยาบาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว โพสต์อินสตาแกรมว่า นายทักษิณมาตรวจร่างกาย สุขภาพแข็งแรงอยู่เลย
ที่ความดันขึ้นกันเพราะมันฟังไม่ขึ้น กลายเป็นว่า “ความผิดของประชาชนนะคะที่ไม่เลือกเราแลนด์สไลด์ให้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือเสียงเยอะจนเลือกได้มากกว่านี้” …หลายๆ คนแถวนี้บอกช่วยหาเหตุผลที่ฟังขึ้นกว่านี้ได้ไหม ว่าทำไมต้องไปจับมือกับพรรคสองลุง ทั้งที่ทำท่าประกาศเจตนารมณ์ว่าไม่เอาระบอบ คสช. … ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลแนวๆ นี้บางคนก็ไม่อยากจะว่า เพราะเงื่อนไขรัฐธรรมนูญบีบคออยู่ ว่า “ต้องเอาเสียง สว.มาโหวตด้วย” แล้ว สว.จากผลการโหวตเมื่อวาน พวกนักข่าวเขาก็เห็นๆ อยู่ว่า แบ่งเป็น “สว.ปีกประยุทธ์” และ “สว.ปีกประวิตร” ซึ่งปีก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นโหวตรับรองนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยหมด คาดว่า “เพราะตกลงกันได้แล้วว่า ยกเก้าอี้ รมว.พลังงานให้รวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) เลยไม่มีปัญหา
ขณะที่ปีก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) ยังมีปัญหา …มีคนได้ยินเสียงโวยลั่นๆ มาจากบ้านป่ารอยต่อว่า อ้าวเฮ่ย!! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า โควตากระทรวงเดิมได้ว่าการสอง ช่วยว่าการสาม กลายเป็นว่าพรรค พปชร.40 เสียงได้โควตาเท่า รทสช. ที่มี 36 เสียง คือ ว่าการสอง ช่วยว่าการสอง ..แถมกระทรวงที่ขอไปคือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( ข่าวว่า จะให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร.ไปคุม ) ก็ไม่ให้ จะให้สมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อีกว่าการนึงคือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส.) อันนั้นพอรับได้ แต่ไม่ได้กระทรวงเกษตรฯนี่ไม่ยอม ทีทำไม รทสช. ได้พลังงานตามที่ขอ
ในการโหวตนายกฯ วันที่ 22 ส.ค. เลยเห็นว่า “สว.ปีกประวิตร”โหวตงดออกเสียงบ้าง หายไปบ้าง ตอนนี้บิ๊กป้อมก็ยังอารมณ์บูด ไม่ไปร่วมประชุมโหวตนายกฯ ก็แล้ว ไม่รู้ว่ายังต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่หรือไม่ ( แต่มีรายงานข่าวว่าต้องให้แล้วเสร็จวันที่ 24 ส.ค.นี้ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพียงแต่กระแสข่าวมันแปลกๆ อยู่ บ้างก็ว่าได้รัฐบาลใหม่เร็วเลย แต่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ( สลค.) บอกรัฐมนตรีต้องส่งประวัติมาตรวจสอบคุณสมบัติ และ สลค.ต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เลยไม่รู้ว่าจะได้ ครม.ครบตอนไหน )
และอะไรที่เรา..เอาจริงก็คิดว่าจะเห็นนะ แต่ไม่คิดว่าจะกล้า คือความซมซานของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่เคยทะนงตนเป็นพรรคเก่าแก่ยึดมั่นอุดมการณ์เรื่อยมา ..อยากไปร่วมรัฐบาล “สลายขั้ว” แต่เพื่อไทยเขาไม่เอาแต่แรก ไม่งั้นเชิญไปกินมินต์ชอคที่อาคารพรรคนานแล้ว ..ขืนเอาประชาธิปัตย์มา เพื่อไทยจะตอบมวลชนเสื้อแดงที่เหลืออยู่อย่างไร ว่า “จะให้ความเป็นธรรมกับผู้สูญเสียเหตุการณ์สลายม็อบปี 53” และแค่รวมได้ 314 เสียงก็พอแล้วไม่ต้องพึ่งประชาธิปัตย์
กลายเป็นว่ารัฐบาลนั้นจะสลายขั้วความขัดแย้งทางการเมือง …แต่พรรคประชาธิปัตย์จะสลายตัวซะงั้น มี สส.กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค รวมทั้งสิ้น 16 คน โหวตฝ่าฝืนมติพรรคที่มีมติให้งดออกเสียง โดยการโหวตก็น่าเกลียดตรงที่ช่วงขานชื่อหายหัวกันไปหมด พอเขาจะปิดการนับคะแนนวิ่งมาแสดงตัวและโหวตเห็นชอบเสี่ยนิด
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ดอดไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง เจ้าตัวว่าไปแก้บน แต่เจอทักษิณแป๊บเดียว ก็ทักทายกันเพราะเมื่อก่อนนายกชายก็เคยลง สส.สงขลาในนามพรรคไทยรักไทยมาก่อน ก่อนจะย้ายมาประชาธิปัตย์ แต่เมื่อเขาคุยกันสองคนก็แล้วแต่ว่าคนจะชื่อหรือเปล่าว่าไม่มีดีลการเมือง …พอมาวันโหวตนายกฯ มีข่าวว่า ในวันโหวต ดอดไปดีลกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ขอโหวตให้เสี่ยนิด เพื่อเป็น “อะไหล่” เข้าเสียบร่วมรัฐบาลหากมีบางพรรคงอแงมีปัญหาเรื่องโควตารัฐมนตรี ซึ่งแนวโน้มว่าหมายถึงพรรค พปชร.นี่แหละ
แต่ก็..ไม่รู้เหมือนกันนะ .. ว่าที่ไปขอเป็น“อะไหล่” นี่เอาจริงเขาจะมองเป็น“ขยะ”หรือเปล่า…แนวๆ เธอโหวตให้ฉันเหรอ ขอบใจนะ แต่ไม่เอามาร่วมรัฐบาลล่ะข่ะ เก็บกระทรวงไว้บริหารเองดีกว่า ถ้าจะตบทรัพย์กระทรวงใหญ่แบบรัฐบาลบิ๊กตู่นี่ก็ยาก เพราะรัฐบาลบิ๊กตู่นั้นอยู่ในลักษณะ“อะไรก็ยอม” พรรคร่วมเสียงเยอะขออะไรต้องให้ แต่รัฐบาลนิดนี่เสียงพรรคจัดตั้งรัฐบาลห่างเสียงพรรคอันดับสองก็มากอยู่ ..และถ้าเอาเสถียรภาพ ไปดีลใหม่กับพรรค 40 เสียงไม่ดีกว่ารึ
สำหรับประชาธิปัตย์นั้นอ้างเรื่องยึดมติและข้อบังคับพรรค ครั้งนี้จึงเป็นการกระทำที่ดูค่อนข้างร้ายแรงในสายตาสมาชิกพรรค แต่ทำอะไรต้องเป็นมติ กก.บห.พรรค ปัญหาคืออีที่ไปโหวตให้เสี่ยนิดก็เป็น กก.บห.พรรคเสียเยอะเลยไม่รู้จะสอบตัวเองอย่างไร จะแสดงสปิริตลาออกจากพรรคเงื่อนไขรัฐธรรมนูญให้ทำไม่ได้ ลาออกจากพรรคปุ๊บสิ้นสภาพ สส.ปั๊บ จะย้ายพรรคได้มีสองกรณีคือไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคแล้วพรรคดันโดนยุบ หรือไม่ก็ให้พรรคมีมติขับออก ..หรือไม่ก็..จะโน้มน้าวพรรคอย่างไรให้ไปร่วมรัฐบาล ( ซึ่งไปแบบอนาถาด้วยนะคือซมซานไปขอ เพราะเพื่อไทยก็ไม่ได้เคยมีท่าทีสักครั้งว่าจะทาบทามประชาธิปัตย์มาร่วม ) ซึ่งถ้าไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย เห็นทีพรรคที่ประชาชนปรามาสว่าจะสูญพันธุ์เพราะหักหลังมติประชาชนคงไม่ใช่เพื่อไทย กลายเป็นประชาธิปัตย์นี่แหละ
แทนที่จะเป็นฝ่ายค้านอย่างมีเกียรติ รีแบรนด์ตัวเองไป อนาคตคงค่อยๆ ล่มสลายไปแบบพรรคที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต อย่างพลังธรรม ความหวังใหม่ กิจสังคม ประชากรไทย …แต่“ข่าวว่า”การเซซังซมซานไปขอร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ก็เพราะทางกลุ่มนั้นเขาเห็นว่า “ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่มีโอกาสทำผลงาน แล้วจะกลับมาในการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้” อันนี้ก็ต้องเรียกว่า “Who knows? Only time” ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากเวลา…พรรคเพื่อไทยที่เขาขู่ๆ กันว่าไปจับมือสองลุงแล้วอ้างรัฐบาลสลายขั้วความขัดแย้ง เลือกตั้งหน้าเตรียมสูญพันธุ์ ไม่แน่ว่าเกิดทำผลงานดี ประชานิยมดี ก็ไม่ได้สูญพันธุ์ และระหว่างนั้น เพื่อไทยถูกมองเป็นขั้วฝั่งขวาคืออนุรักษ์นิยมไปแล้ว ( ที่จับมือขั้วอำนาจเก่า ) ส่วนก้าวไกล เป็นขั้วฝ่ายซ้าย ( รื้อสร้างระบบเก่า ) ระหว่างทางของรัฐบาล อาจมีแผนอะไรให้ความเป็นอนุรักษ์นิยมกลับมาเป็นขั้วหลัก
ก็เหมือนที่แม่ค้าออนไลน์ปากแซ่บพูดนั่นแหละ “ที่พวกมึงด่าๆ กู พอกูทำความดี พวกมึงก็ให้อภัยกูเองแหละ” นี่คือสถานการณ์ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
มันมีอะไรที่เพื่อไทยยังต้อง“รอมชอม”กับกลุ่มอำนาจเก่าอยู่ ซึ่งไม่นานเราก็คงเห็น แถมมีตัวประกันแล้วด้วยว่าถ้าเล่นตุกติก แบบพยายามยกร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นคุณกับบางฝ่าย หรือพยายามรื้อถอนโครงสร้างอำนาจของบางฝ่าย ก็จะโดนเล่นไม่ใช่น้อย ตัวประกันแรกคือนายทักษิณ ชินวัตร กลับมาติดคุกที่ไทยได้ไม่กี่ชั่วโมงป่วยแอดมิทเข้าโรงพยาบาลตำรวจเลย ได้ข่าวห้องหรูด้วย … สายยึดแนวคิด“คนเท่ากัน”จิกกัดกันใหญ่ว่า ทีกรณีนายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง ผู้ต้องหาคดี ม.112 ป่วยมะเร็ง จะขอประกันตัวไปรักษาข้างนอกดันไม่ให้จนเขาตายคาคุก
คราวนี้ถ้าทำอะไรให้ “ผู้ที่คุมอำนาจตัวจริง” ( อย่างพวกที่เจรจากับ สว.-องค์กรอิสระที่ สว.รับรองได้ ) ไม่พอใจเข้า คราวนี้ความดันสูงไม่ต้องไปนอนแล้วโรงพยาบาลตำรวจ จะอกแตกตายก็อยู่ รพ.ราชทัณฑ์ห้องพัดลมรวมไป , ข้างฝ่ายเสี่ยนิดเขาก็เล่นได้ นักร้องเปิดทางไว้แล้วให้ตรวจสอบเรื่อง“วางแผนภาษี” ถ้าเขาจะเล่นเมื่อไรก็เล่นได้
หมากตัวแรกยังไม่ใช่รัฐธรรมนูญ แต่ที่ต้องดูว่า เสี่ยนิดกล้าพอจะแตะหรือไม่ คือโผแต่งตั้งโยกย้ายที่บิ๊กตู่ทำทิ้งท้ายไว้ ทั้งการโยกย้ายปลัดกระทรวง และเตรียมตั้ง ผบ.เหล่าทัพ 4 เหล่า ที่จะเกษียณ ( ปลัดกลาโหมยังไม่เกษียณ ) ซึ่งข่าวว่าเลื่อนฟ้าแลบมาพิจารณาวันที่ 24 ส.ค. และการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่รู้สึกหวยจะออก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
แต่ละก้าวย่างของเพื่อไทยต้องระวังตัวสูงอยู่ น่าจะเพราะการไม่เด็ดขาดร่วมรัฐบาลกับก้าวไกล แต่อะไรๆ ในบ้านเมืองเรามันซับซ้อน ไปร่วมกับก้าวไกลก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเพื่อไทยจะปลอดภัย
………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”