สมควรเป็นวันประวัติศาสตร์จริง ๆ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ขอร่วมยินดีที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร วัย 74 ปี ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง หลัง 28 ก.พ. 2551 เคยเดินทางมา “กราบแผ่นดิน” แล้ว แต่อยู่แค่แป๊บ ๆ ขณะขออนุญาตศาลเดินทางไปดูโอลิมปิกที่จีน ก็กลายเป็นนักโทษหนีคดี 15ปีเต็ม ๆ 

22 ส.ค. ทักษิณ กลับบ้านอีกครั้งด้วยเจ๊ตส่วนตัว ลงที่สนามบินดอนเมือง ไม่มีการใส่กุญแจมือ คงให้เกียรติอดีตนายกฯ สิ่งแรกหลังผ่านประตูทางออก คือ การก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ท่ามกลางลูก 3 คน แกนนำเพื่อไทย อาทิ  สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน ภูมิธรรม เวชยชัย และคนเสื้อแดงที่ยังรักชื่นชม รอต้อนรับ ก่อนหน้านั้น 1 วัน เนวิน ชิดชอบ ผู้มีอำนาจแห่งพรรคภูมิใจไทย เจ้าของคำพูด “มันจบแล้วครับนาย” มาดูแลความเรียบร้อย เตรียมพร้อม “รับนายเก่า” กลับบ้าน

มองด้วยหัวใจที่เป็นธรรม อดีตนายกฯ ถูกเล่นงาน แทบไม่น่าเชื่อในชีวิตคน ๆ หนึ่งจะถูกบดขยี้ขนาดนี้ ถูกถอดยศ ไร้แผ่นดินอยู่ ครอบครัวแตกสลาย หย่าร้างกับภริยาคู่ทุกข์คู่ยาก พรรคตัวเองถูกยุบถึง 2 ครั้ง ทรัพย์สินถูกยึด แค่ดูว่า แรกเข้าเป็นนายกฯ หุ้นบริษัทมือถือมีมูลค่า 3 หมื่นล้าน ผ่านไป 4 ปี เพิ่มเป็น 7 หมื่นล้าน เอา 3 หมื่นล้านลบจาก 7 หมื่นล้าน ยึดทรัพย์เลย 4 หมื่นล้าน เพราะถือเป็นทรัพย์สินที่ไม่ควรได้

ทั้งที่บริษัทอื่น ๆ ในตลาดหุ้นก็มีผลประกอบการดีขึ้น ทำกำไรถ้วนหน้า เมื่อเศรษฐกิจบูมสุด ๆ ไม่มีบริษัทไหนถูกกล่าวหาว่า กำไรที่เพิ่มคือทรัพย์สินที่ไม่ควรได้ มีแต่บริษัทมือถือของทักษิณคนเดียวที่ไม่ควรมีกำไร   

วิบากกรรมทั้งหลายทั้งปวงก็เพราะ ทักษิณเป็นภัยความมั่นคงของชาติ เป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงต่อฝ่ายอนุรักษนิยม ถูกกล่าวหา ไม่จงรักภักดี จากพิธีที่วัดพระแก้ว ชี้ขาดด้วยการทัวร์นกขมิ้น “อาจสามารถโมเดล” ร้อยเอ็ด  ที่เหลือคือวิบากกรรม แม้ด้านหนึ่งทักษิณจะพาตัวเองสู่ “คีลลิ่งโซน” ทั้งคดีขายหุ้นและ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย แต่ตลอดเวลากว่า 2 ทศวรรษ ทักษิณและพรรคไทยรักไทย กลับฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด ชนะเลือกตั้งทุกครั้ง เพราะเพื่อไทยเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่ทำงานเก่ง คิดนโยบายเจ๋ง ๆ ให้ประชาชน ชูธงต่อสู้เผด็จการ จนถูกปฏิวัติ 2 ครั้ง มีคนเสื้อแดงและฝ่ายประชาธิปไตยเอาตัวเข้าแลกจนเสียชีวิตนับร้อยคน     

ผลเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 ฟื้นความหวังประชาชนกับการ “เปลี่ยนโฉม” ประเทศ ฝ่ายประชาธิปไตยชนะถล่มทลาย 312 เสียง ขณะพรรคขั้วอำนาจเก่า 3 ป. ได้ 188 เสียง พร้อมข่าวการกลับบ้านของ ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง

หากไม่มีการเปิดเผยจาก พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์  อดีตหัวแถวฝ่ายอนุรักษ์อำนาจนิยม ยอมรับล่อนจ้อนว่า มี “ดีลลับ” ให้พรรคเพื่อไทยสลับขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับขั้วอำนาจเดิม  ยืมมือเพื่อไทย ดีดก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน หวังสกัดกั้นพรรคก้าวไกลไม่ให้ไปต่อ เนื่องจากเป็นภัยมากกว่าพรรคเพื่อไทย…(ไปแล้ว) 

นี่เอง ทำให้ข้ออ้างที่พรรคเพื่อไทยตอกย้ำต่อสาธารณะตลอดว่า จำใจสลายขั้ว ฉีก MOU 8 พรรคทิ้ง หันไปจับขั้วอำนาจเดิม 2 ลุง  เพื่อเป็น “รัฐบาลปรองดอง สลายขั้ว ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ถูกหักล้างอย่างรุนแรง ประชาชนต่อภาพได้ชัดเจน ทำไมเพื่อไทย ไม่เต็มใจจับขั้วกับก้าวไกลมาแต่แรก จนหลุดถูกจับคลุมถุงชน ที่แท้เพราะ “ดีลลับ” แลกทักษิณกลับบ้านมาแต่ต้นแล้วนี่เอง

อย่างที่บอก ทักษิณควรได้รับความยุติธรรมและความเห็นใจ แต่มันเป็นการลงทุนที่เพื่อไทยเทหมดหน้าตัก ยอมเสียทุกอย่าง ร้ายแรงสุดคือการตระบัดสัตย์ มี 2 ลุงครบ แม้ต้องสูญเสียคนสำคัญอย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และที่สุดเพื่อไทย คงสลายขั้ว (ตัวเอง) จากพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไป “ถือธง” ฝ่ายอนุรักษนิยมในอนาคต

ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน คงได้เลี้ยงหลานจริง ๆ กรมราชทัณฑ์แถลงแล้ว เป็นผู้สูงวัย มี 4 โรครุมเร้า ต้องอยู่โรงพยาบาล อาจไม่ต้องนอนคุก และคงจะขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะตัวตามมา  22 ส.ค. ศาลฎีกาตัดสินคดีทุจริตโรงพักร้าง 6,000 ล้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ไม่ผิด สิ้นสุดคดีอื้อฉาวตลอดไป และ เศรษฐา ทวีสิน ก็ผ่านการโหวตได้เกิน 400 เสียง รอบเดียวจบจากรัฐสภา ที่ต้องการ 375 ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 หลังแบ่งโควตารัฐมนตรีลงตัว   

เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ที่ไม่เห็นหัวประชาชน…แม้แต่น้อย.

ดาวประกายพรึก