หากพูดถึงการตั้งครรภ์แล้ว นอกจากการดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจของคุณแม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอันดับแรก เพราะอาหารที่คุณแม่เลือกทานนั้น ย่อมส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของทารกในครรภ์ ดังนั้นก็มีอาหารบางอย่างอีกเช่นกัน ที่ไม่แนะนำให้คุณแม่รับประทาน เพื่อปกป้องสุขภาพของทารกและการตั้งครรภ์
โดยในวันนี้ พญ.สุพิภัทฏิพร สิทธิศร สูตินรีแพทย์ ประจำโรงพยาบาลพริ้นซ์ สกลนคร ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ (PRINCIPAL HEALTHCARE) ได้เผยผ่าน “Healyhy Clean” ว่า หนึ่งในคำถามที่คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะสอบถามกับแพทย์อยู่เสมอคือ “อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ห้ามทานมีอะไรบ้าง?” เพราะอาหารที่ชอบทานเป็นประจำอาจจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้
ต้องบอกก่อนว่า ในระหว่างตั้งครรภ์ร่างกายของคุณแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้เกิดอาการแพ้ท้องมักจะมีมากในช่วง 3 เดือนแรก อาจทำให้คลื่นไส้อาเจียนหรืออยากรับประทานอาหารบางชนิด ซึ่งบางครั้งเผลอรับประทานอาหารที่อาจส่งผลร้ายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้โดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งอาหารที่ไม่แนะนำให้รับประทานมีดังนี้
“อาหารที่ปรุงไม่สุกและไม่สด” ในอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกอาจมีเชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่อาจเกิดอันตรายรุนแรงกับคุณแม่ และอาจทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดหรือเสียชีวิตได้ จากการที่คุณแม่มีการติดเชื้อ เช่น ไข่ดิบ ปลาดิบ (ซูชิ ซาชิมิ เป็นต้น) เนื้อ อาหารทะเลดิบ (กุ้งดอง หอยนางรม หมึกชอต) เนื้อดิบ (คาร์ปาโช สเต๊กเนื้อดิบ ๆ เป็นต้น) และผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ รวมถึงควรเลือกชีสที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว
“อาหารรสจัดและอาหารหมักดอง” อาหารที่มีรสเค็มจัดส่งผลทำให้หัวใจและไตทำงานหนักขึ้น ทำให้คุณแม่เกิดอาการบวมได้ ส่วนรสหวานจัดเพิ่มภาระให้กับตับอ่อนต้องผลิตอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลมากขึ้นเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และทำให้คุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้รสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด จะเพิ่มภาระให้กระเพาะต้องทำงานหนัก ทำให้ท้องอืด เกิดภาวะกรดไหลย้อนและอาหารเป็นพิษได้ สำหรับของหมักดอง มักมีเกลือน้ำตาลหรือขัณฑสกรผสมอยู่จำนวนมาก ซึ่งเข้าข่ายอาหารรสจัด
“อาหารที่ควรงด” เช่น ส้มตำปูปลาร้า ส้มตำหอยดอง กิมจิ แหนม ไข่เค็มดองเกลือ ผักกาดดองเป็นต้นอาหารที่มีสารปรอทสูง ๆ สารปรอทส่งผลเสียต่อระบบประสาทและสมองของคุณแม่และทารกในครรภ์ เช่น ปลาดาบเงิน ปลากระโทงแทง ปลาฉลาม และปลาทูน่า (ควรรับประทาน 2 ก้อนหรือ 2 กระป๋องต่อสัปดาห์)
“กาเฟอีนที่มากเกินไป” อาจทำให้เสี่ยงแท้งบุตรและทารถในครรภ์น้ำหนักตัวน้อยและมารดามีอาการท้องผูกและหากดื่มมากเกินไปก็อาจทำให้ใจสั่นและนอนหลับยาก ส่งผลให้เกิดการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากนี้เครื่องดื่มบางชนิดมีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เป็นต้น (รับประทานได้ในบริมาณ น้อยกว่า 200 มก./วัน) ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ช่วงที่ตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการแท้ง หรือ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ แม้ปริมาณเล็กน้อย อาจทำส่งผลต่อการสร้างสมอง พัฒนาการ และการสร้างอวัยวะของทารกในครรภ์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ เป็นต้น
“เน้นย้ำว่า การเลือกรับประทานอาหารและโภชนาการที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์แข็งแรงสมบูรณ์” เลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ ธาตุเหล็ก เพื่อใช้สร้างเม็ดเลือดแดง โฟเลตในการป้องกันความพิการแต่กำเนิด แหล่งอาหารที่มีเหล็กและโฟเลต ได้แก่ ตับ เนื้อสัตว์ ผักใบเขียวเข้ม นอกจากนี้ยังต้องการแคลเซียมและฟอสฟอรัสในการสร้างกระดูกและฟัน แหล่งอาหารได้จากนม ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้แข็ง ธัญพืช และผักเขียวเข้ม อาหารที่มีไอโอดีน เช่น อาหารทะเล หรือ ปรุงประกอบอาหารด้วยเครื่องปรุงที่มีการเสริมไอโอดีน อาหารที่มีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันดี เช่น ปลาทู ปลาจะละเม็ด
“นอกจากนี้ควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 10 แก้ว “เลือกกินอาหารที่สด สะอาด ปรุงสุกใหม่ ได้รับสารอาหารให้ครบถ้วนเพียงพอ” และหลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ สำหรับเมนูที่แนะนำ เช่น ไข่ตุ๋นใส่ผักหมูสับ ต้มเลือดหมูใส่ผัก อกไก่ผัดขิง ปลานึ่งกับผักลวก แกงเลียง เป็นต้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คือควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ” พญ.สุพิภัทฏิพร กล่าวทิ้งท้าย..
………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”