ไม่รู้เหมือนกันว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการนิติศาสตร์ในคณะก้าวหน้า ถูกจัดอยู่ในระดับ “ผู้นำแห่งจิตวิญญาณ” ของพลพรรคก้าวไกล หรือไม่?
เนื่องจากสัปดาห์ก่อนนายปิยบุตรสื่อสารว่าสถานการณ์ชัดเจนขนาดนี้ ทำไมพรรคก้าวไกลยังไม่ประกาศจุดยืนเป็น “ฝ่ายค้าน” อย่างทระนงองอาจ
แต่ไม่กี่วันต่อมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดกับสื่อฯว่า “ผมอาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายค้านก็ได้ ใครจะรู้”
นายพิธาพูดเหมือนยังมีหวังกับเก้าอี้ “ผู้นำ” คนที่ 30 ของประเทศไทย แม้จะพ่ายแพ้โหวตในที่ประชุมรัฐสภา 2 ครั้ง แต่อะไรคือจุดประกายให้นายพิธามองเห็นความหวังที่ยังมีแสงริบหรี่รำไรอยู่
หรือว่านายพิธาเคลิ้มไปกับ “ข่าวรั่ว” ที่ว่า คณะกรรมการไต่สวนของสำนักงานกกต. เสนอยกคำร้องนายพิธาไม่ผิดมาตรา 151 กรณีถือหุ้นสื่อ(ไอทีวี) เพราะขณะยื่นสมัครเป็นแคนดิเดตนายกฯ-สส. ไม่พบว่าไอทีวีประกอบกิจการอยู่ และไม่มีรายได้จากการทำสื่อ
“พยัคฆ์น้อย” ทราบเรื่อง “ข่าวรั่ว” มีจริง! นั่นแสดงให้เห็นว่ามีคนในสำนักงานกกต.เป็นผู้ปล่อยความลับในสำนวนออกมาสู่สาธารณะหรือไม่? หรือมีผู้ใหญ่ในกกต.มีส่วนรู้เห็นกับการปล่อยข่าวหวังผลทางการเมือง ในห้วงเวลาที่กระบวนการเลือกนายกฯยังไม่เสร็จสิ้น หรือไม่อย่างไร
ทำให้ผู้คนอดสงสัยไม่ได้ว่า มีเจ้าหน้าที่บางคนในกกต. เป็น “ด้อมส้ม” หรือว่า กกต.บางคนเล่นเกมการเมือง? ปล่อยสำนวนในชั้นความลับออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะมีการโหวตนายกฯวันที่ 22 ส.ค. 66
ดังนั้น กกต. หรือสำนักงาน กกต.จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาวไม่ได้ แต่ต้องเร่งรัดสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด (ปล่อยข่าวในชั้นความลับ) มาลงโทษ! เพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีก ไม่เช่นนั้น กกต. และสำนักงาน กกต. จะเจอข้อครหาว่าเล่นเกมการเมืองกับเขาอยู่ด้วยหรือไม่?
แต่วันที่ 16 ส.ค. สำนักงาน กกต. ชี้แจงว่าการสืบสวนไต่สวนการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธายังไม่เสร็จสิ้น ยังไม่ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ โดยอยู่ระหว่างกระบวนการสืบสวนไต่สวนตามลำดับชั้นตามระเบียบและกฎหมาย หลังจากนั้นจะนำเสนอข้อเท็จจริงข้อกฎหมายและความเห็นต่อ กกต. ให้เป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งต่อไป
เมื่อสำนักงานกกต.ชี้แจงแบบนั้น ตอกย้ำด้วยศาลรัฐธรรมนูญ “ไม่รับคำร้อง” กรณีโหวตซ้ำนายพิธาในที่ประชุมรัฐสภาได้หรือไม่ จึงหวังว่านายพิธาจะเข้าใจโลกของความจริง และเข้าใจในสิ่งที่นายปิยบุตรชี้นำไว้!
คือนายพิธาและพรรคก้าวไกลประกาศถอยไปเป็นฝ่ายค้าน! เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดในการเมืองระบบรัฐสภา ยิ่งในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้อำนาจ สว. มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯมา 2 ครั้งแล้ว นั่นแสดงว่าพรรคก้าวไกลรู้กฎ-กติกา ก่อนลงแข่งขันเลือกตั้ง
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงชูยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์” ตั้งแต่แรก! แต่เมื่อไม่แลนด์สไลด์ และพรรคก้าวไกลได้สส.ไม่ถึงครึ่งของจำนวน สส.ในสภา การจัดตั้งรัฐบาลจึงมีทางออกไม่มาก!
ประชาชนไม่ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ประชาชนไม่ได้เลือกนายกฯโดยตรง เพราะนี่คือประชาธิปไตยผ่านตัวแทน! ดังนั้นจึงไม่ใช่การทรยศ-หักหลัง ไม่ใช่เรื่องตระบัดสัตย์ใคร! แต่เพื่อให้ประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า!!
———————
พยัคฆ์น้อย
