หลังจากทุ่มเงินซื้อนักเตะใหม่กว่า 200 ล้านปอนด์ ในที่สุดวันที่แฟนบอล “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล รอคอยมานาน 2 เดือนกว่าก็มาถึง อาร์เซนอล เปิดสนามเจอกับ “เจ้าป่า” น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม และนี่คือสิ่งที่ผมเห็นและรู้สึกจากเกมนี้

11 รายชื่อก่อนแข่งก็ทำเอางุนงงแล้ว เพราะมีการถอด กาเบรียล มากัลเญส เป็นแค่ตัวสำรอง แฟนบอลคาดเดาต่างๆ นานาว่า อาร์เซนอล เกมนี้จะมามุกไหน

แม้ที่จริง มิเกล อาร์เตตา เปรยตั้งแต่สัมภาษณ์ก่อนเกมแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครถึงแผนใหม่นี้

กระทั่งเสียงนกหวีดส่งสัญญาณเริ่ม แฟนบอลจึงได้เห็น แบ๊กโฟร์ของเกมนี้ประกอบด้วย โธมัส ปาร์เตย์, เบน ไวท์, วิลเลียม ซาลิบา และ จูร์เรียน ทิมเบอร์

ปาร์เตย์ รับบทแบ๊กขวาอินเวิร์ตที่หุบเข้าในเมื่อทำเกมรุก ไวท์ จากที่เล่นแบ๊กขวาก็โยกไปยืนเซนเตอร์ฝั่งขวา และ ซาลิบา จากที่เคยยืนเซนเตอร์ด้านขวาก็ขยับไปยืนเซนเตอร์ด้านซ้าย ทิมเบอร์ จากที่เป็นแบ๊กหุบเข้าในเกมคอมมูนิตี ชิลด์ แต่เกมนี้ปักหลักด้านข้างเป็นหลัก

แดนกลางตามผังคือ เดแคลน ไรซ์, มาร์ติน โอเดการ์ด, ไค ฮาแวร์ตซ์ แต่กล่าวคือเวลาครองเกมบุก ตรงกลางจะมี ปาร์เตย์ คู่กับ ไรซ์ ขณะที่ ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นสูงหน่อยเป็นตัวบุกกับ โอเดการ์ด ส่วนข้างหน้า บูกาโย ซากา, กาเบรียล มาร์ติเนลลี และ เอ็ดดี เอ็นเคเทีย

เรียกว่าเป็น “การทดลอง” ได้จริงๆ เพราะผมจำไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้มันมีครั้งไหนหรือไม่ที่ใช้แผงหลังแบบนี้กับแผนการแบบนี้ แต่คิดว่านี่คือครั้งแรก จากแผน 4-3-3 แต่เมื่อบุกจะเป็น 3-1-3-3 ซึ่งบางคนบอกว่าเป็นแผนดั้งเดิมของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในยุค 1990

ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ คิดว่ามันเวิร์คหรือไม่ แต่สำหรับผมรู้สึกว่ามันยังไม่เวิร์คเท่าไร

ปกติฝั่งขวา ไวท์ มักช่วยเติมด้านขวาสลับกับ ซากา ได้ค่อนข้างลงตัว แต่พอเป็นแผนใหม่นี้รู้สึกได้ว่าความอันตรายทางริมเส้นลดน้อยลงไป หรือเรื่องเกมรับปาร์เตย์ก็ไม่ได้มีสปีดต้นที่ดีกว่าไวท์ ดังที่เห็นได้จากจังหวะหนึ่งในครึ่งแรกที่ปาร์เตย์สกัดพลาดจนโดนฟอเรสต์ได้วิ่งตื๋อแซงไป ผมไม่คิดว่า ปาร์เตย์ เหมาะกับตำแหน่งแบ๊กอินเวิร์ต

ขณะที่คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ซาลิบา กับ มากัลเญส พูดภาษาฝรั่งเศสเหมือนกัน และก็เข้าอกเข้าใจกันดีอยู่แล้ว ผลงานฤดูกาลก่อนเป็นหลักฐานอย่างดีว่า ยังไงคู่นี้ควรจะเป็นเซนเตอร์ตัวหลักมากกว่า โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ยกเว้นว่ามีคนใดเจ็บเท่านั้น

ผมรู้สึกว่า มิเกล อาร์เตตา กำลังพยายามให้ 3 นักเตะใหม่ได้ลงพร้อมกันใน 11 คน และแสดงฟอร์มที่น่าประทับใจ เป็นเหตุห้อาร์เตตาพยายามทดลองอะไรใหม่ๆ พยายามให้ ปาร์เตย์ และ ไรซ์ ได้ลงสนามพร้อมกัน ทั้งที่หากยึดตามแผนที่ใช้เมื่อปีก่อน สองคนนี้ตำแหน่งทับกันชัดเจน

หรืออาจจะดัน ไรซ์ ไปเล่นสูงแทนตำแหน่ง กรานิต ชากา ที่ย้ายออกไปแล้ว ปาร์เตย์ ก็รับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับแบบเดิม ไม่จำเป็นต้องเป็นแบ๊กหุบเข้าในอะไรทั้งนั้น ในขณะที่ ฮาแวร์ตซ์ ก็จับนั่งสำรองไปก่อน เกมนี้ของอดีตกองหน้าเชลซียังไม่ได้โดดเด่นนัก

ผมคิดว่าเกมนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างเกินไป รูปแบบแบ๊กโฟร์ รูปแบบการบุก รูปแบบการยืน มันเปลี่ยนไปหมด เกมรุกก็เช่นกัน ประตูแรกโชคมีส่วนที่ผมคิดว่า มาร์ติเนลลี คงไม่ได้ตั้งใจตอกส้นให้เอ็นเคเทีย และโชคดีต่อมาที่ลูกยิงของเอ็ดดี้มันแฉลบนิดนึงพอดี ส่วนประตูที่สองแน่นอนว่าฝีมือล้วนๆ จากบูกาโย ซากา ที่นาทีนี้เป็นเดอะ แบก ฝั่งขวา คิดเล่นๆ ว่าถ้าค่าตัว มอยเซส ไคเซโด ค่าตัว 110 ล้านปอนด์ ซากา นี่ต้อง 300 ล้านปอนด์แล้ว

ฟอเรสต์ มาเน้นรับอย่างเดียว อาร์เซนอล เองก็ปิดเกมยิงประตูที่ 3 ไม่ได้ พอช่วงท้ายทีมเยือนเลยเปลี่ยนตัวบุกลงมาแลก แถมทำสำเร็จยิงตีไข่แตก และทำเอา อาร์เซนอล รวนๆ ไปพักใหญ่ ยังดีที่ชนะ 2-1

นึกไม่ออกเลยว่าถ้าจบเสมอ 2-2 บรรยายกาศกองเชียร์จะกร่อยขนาดไหน และบรรยากาศในห้องแต่งตัวอาร์เตตาจะเดือดขนาดไหน

สรุปแล้วผมรู้สึกว่า อาร์เตตา ยังมีงานที่ต้องกลับไปแก้อีกเยอะถ้ายังคิดจะใช้แผนนี้อีก แต่โอเคล่ะ ว่านี่แค่เกมแรกของฤดูกาล และก็เป็นเกมแรกของการลองแท็คติคอะไรใหม่ๆ

ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ จูน ให้เข้ากันอีกหน่อยก็หวังว่าจะลงตัวได้มากกว่านี้

เฮียเอง