มีทั้งดราม่า และฮือฮา หลังมีการนำ “ตุ๊กตา-การ์ตูนดัง” อย่าง “บาร์บี้” มาทำเป็นภาพยนตร์โดยมีคนจริง ๆ รับบทแสดง… โดยในบางประเทศได้สั่งแบนห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่อีกหลายประเทศก็ไม่ได้ห้ามฉาย ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรนี่ก็ “ปลุกกระแสบาร์บี้ฟีเวอร์”… ทั้งนี้ ถ้าพูดถึง “คนรักบาร์บี้ในไทย” แล้วละก็…หนึ่งในนั้นที่อยู่หัวแถวย่อมต้องมีชื่อ ’ป้าตุ๊ก–สุนัน วิเศษกิจ“ ติดโผลำดับต้น เพราะได้รับการขนานนามว่า ’คุณป้าบาร์บี้เมืองไทย“ เนื่องจากคุณป้าท่านนี้ได้สะสมตุ๊กตาชื่อดังนี้เอาไว้มากมาย ที่สำคัญ…ยัง ’มีเรื่องราวชีวิตผูกพันกับตุ๊กตานี้“ รวมถึงในมุม ’ระหว่างแม่–ลูก“ ซึ่งคุณป้าก็ได้รับเชิญไปชมภาพยนตร์ “บาร์บี้ 2023” เวอร์ชันคนจริงแสดงด้วย และวันนี้ทาง “ทีมวิถีชีวิต” ก็ขอพลิกแฟ้มพาไปสัมผัสเรื่องราวชีวิตคุณป้าท่านนี้…
ย้อนไปราว 3 ปีก่อน ทาง “ทีมวิถีชีวิต” ได้เคยมีโอกาสไปสัมผัส “คลังบาร์บี้” และสนทนากับ ป้าตุ๊ก–สุนัน วิเศษกิจ คนนี้ ซึ่งคุณป้าเปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยท่ามกลางตุ๊กตาบาร์บี้สุดรักสุดหวงหลายสิบตัวที่ห้อมล้อมวงสนทนาของเรา โดยป้าตุ๊กเล่าไว้ว่า ชอบเล่นตุ๊กตาตั้งแต่เด็ก และชอบบาร์บี้มาก แต่สมัยก่อนนั้นครอบครัวไม่ได้มีฐานะพอที่จะซื้อตุ๊กตาราคาแพง ๆ ให้เล่นได้ จึงต้องวาดภาพตุ๊กตาและเสื้อผ้านำมาตัดแปะลงบนกระดาษแข็งใช้เล่นแทนตุ๊กตาจริง หรือแม้แต่ตอนที่เริ่มทำงาน ก็ยังพยายามอดใจไม่ยอมใช้จ่ายเงินไปกับตุ๊กตาที่รัก เพราะต้องประหยัดอดออมเพื่อเก็บเงินรายได้ทั้งหมดไว้ดูแลครอบครัว รอเวลาจนกระทั่งถึงจุดที่สามารถควักกระเป๋าซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ตัวแรกในชีวิตได้อย่างสบายใจ ซึ่งในตอนนั้นก็อายุ 26 ปีแล้ว โดยเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ที่ซื้อที่ฮ่องกง ระหว่าง
กำลังฮันนีมูนกับสามี คือ อาจารย์ประเสริฐ วิเศษกิจ โดยคุณป้าได้เล่าย้อนถึงความทรงจำครั้งนั้นไว้ว่า…
’ตอนเดินเข้าไปในร้านทอย อาร์ อัส ครั้งแรกนั้น ถึงกับอุทานว่านี่มันสวรรค์ ซึ่งบาร์บี้ตัวแรกในชีวิตซื้อที่นี่ แต่จริง ๆ จะบอกว่าเป็นตัวแรกก็ไม่ได้ เพราะวันนั้นซื้อหลายตัวเลย“ ป้าตุ๊กเล่าอดีตเรื่องนี้ไว้พร้อมรอยยิ้ม
คุณป้ายังได้เล่าถึงบาร์บี้ที่ซื้อมาในครั้งนั้นว่า เป็นคอลเลกชันที่ไม่มีวางจำหน่ายในเมืองไทย แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นคอลเลกชันหายาก โดยตุ๊กตาที่ซื้อเป็นคอลเลกชันประจำปี ที่เรียกว่า“แฮปปี้ ฮอลิเดย์” ที่ในหนึ่งปีจะทำออกมาขายให้แฟนบาร์บี้ได้ซื้อกันแค่หนึ่งครั้ง ซึ่งสนนราคาก็ไม่ได้แพงมาก อยู่ที่ประมาณหนึ่งพันปลาย ๆ เพราะเป็นรุ่นที่ใช้วัสดุที่เป็นยางธรรมดา ไม่ใช่วัสดุพิเศษ
และจากครั้งแรก จึงเกิดครั้งต่อ ๆ ไปตามมา เพราะหลังจากวันนั้นคุณป้าก็เริ่มเก็บสะสมบาร์บี้อย่างจริงจังเรื่อยมา โดยมีทั้งการซื้อที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองไทย มีทั้งสั่งซื้อจากคนขายที่รับออร์เดอร์สั่งจากต่างประเทศ จนมีอยู่ช่วงหนึ่งมีน้องที่รู้จักคนหนึ่งได้ไปบอกทางผู้จัดงานของบริษัทดีทแฮล์มซึ่งกำลังจะจัดงานโชว์ตุ๊กตาบาร์บี้ ว่ารู้จักคนหนึ่งที่มีตุ๊กตาบาร์บี้คอลเลกชันหายากเก็บสะสมเอาไว้มากมาย ทางผู้จัดงานจึงได้ติดต่อมาหา เพราะอยากให้นำตุ๊กตาบาร์บี้ไปโชว์ จนทำให้คนในวงการนักสะสมตุ๊กตารู้จักชื่อของป้าตุ๊ก-สุนัน ซึ่งนี่ก็รวมถึงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าตุ๊กตาด้วย
’พอเขารู้ว่าสะสมตุ๊กตาบาร์บี้ ทีนี้ก็เลยมาเสนอขายให้เรากันยกใหญ่ ก็เข้าทางเราเลย เพราะไม่ต้องไปเดินหา แต่ก็ไม่ได้ซื้อทุกตัวนะ จะต้องดูว่าราคาต้องไม่แพงเกินไป เลือกเท่าที่กำลังเราไปได้ และต้องสมเหตุสมผล กับไม่ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย“ เป็น “หลักการจ่าย” เพื่อตุ๊กตาบาร์บี้ที่รัก
ทางคุณป้าท่านนี้ยังได้อธิบายถึง “หลักการสะสม” ไว้ว่า ตุ๊กตาที่นักสะสมเลือกเก็บจะต่างจากตุ๊กตาที่ซื้อมาเล่น โดยกว้าง ๆ ก็จะมีหลักที่นิยมใช้กัน เช่น ราคา ปีที่ผลิต และจำนวนที่ทำออกมาขาย แน่นอนว่ายิ่งทำน้อย ราคายิ่งแพง เพราะความต้องการมีมากกว่าสินค้า นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องรายละเอียด อาทิ วัสดุที่ใช้ผลิต เครื่องแต่งตัว เครื่องประดับ รวมถึงธีมที่ทำออกมาด้วย และก็ยังมีเรื่องของ “ดีไซเนอร์” ที่ทางบาร์บี้ได้เชิญให้มาร่วม Collaboration ซึ่งช่วยทำให้บาร์บี้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น
’มีดีไซเนอร์ดัง ๆ มาร่วมงานกับบาร์บี้เยอะมาก เช่น บ็อบ แมคกี นี่ก็ทำออกมาเท่าไหร่ก็ขายหมด แถมราคายังมีแต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้แต่ วาเลนติโน ก็เคยทำกับบาร์บี้เช่นกัน ซึ่งเราก็มีครบหมดทั้งคอลเลกชันทั้ง 3 ตัว โดยตอนแรกที่ซื้อมาไม่ชอบเลย ยังบ่นเลยว่าชุดไม่สวย (หัวเราะ) จนมีน้องคนหนึ่งมาถามว่า พี่ตุ๊ก ๆ มีเซตนี้ไหม เราก็บอกว่ามี แถมครบเซตเลยด้วย เขาก็ร้องว่า…โอ้โห แล้วก็บอกเราว่า พี่รู้ไหม…ตอนนี้ราคาซื้อขายกันแพงมากเลยนะ เราก็ต้องกลับไปรื้อไล่ดูใหญ่ว่า ตายแล้วฉันเอาไปเก็บไว้ที่ไหนนะ“ คุณป้าเล่าเรื่องราวนี้ให้ฟังพร้อมเสียงหัวเราะ
’มีแม่ซื้อเป็นตุ๊กตาบาร์บี้???“ …เราถามเรื่องนี้กับคุณป้า ซึ่งเมื่อได้ยินคำถาม ป้าตุ๊กถึงกับปล่อยรอยยิ้มออกมา พร้อมกับบอกว่า ถ้าจะให้ถูก ต้องเรียกว่า เป็นสื่อการเรียนการสอน เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่างลูกกับแม่ มากกว่า เพราะได้ใช้ตุ๊กตาในเรื่องนี้ระหว่างตัวคุณป้ากับลูกสาวทั้ง 2 คนมาตลอด โดยป้าตุ๊กเล่าว่า พอมีลูกแล้ว ลูกก็ได้เล่นตุ๊กตาของคุณแม่ด้วย จนแทบจะเรียกได้ว่าตุ๊กตาเป็นเพื่อนของลูก และที่สำคัญนั้น บาร์บี้ยังมอบความรู้พื้นฐานให้กับลูก ๆ ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ป้าตุ๊กได้ยกตัวอย่างเรื่องนี้ว่า อย่างในบางคอลเลกชัน เช่น ชุด “Doll of the world” ที่บาร์บี้จะแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติของประเทศต่าง ๆ โดยที่กล่องก็จะมีคำอธิบายหรือรายละเอียดเกี่ยวกับประเทศที่บาร์บี้สวมชุดประจำชาติระบุเอาไว้ด้วย ซึ่งก็จะอ่านให้ลูก ๆ ฟัง ถือเป็นการเพิ่มพูนความรู้จากการเล่นตุ๊กตา นอกจากนี้ ในขณะที่เล่นตุ๊กตากับลูก ๆ ก็ยังได้เห็นนิสัยใจคอ พฤติกรรมแสดงออก รวมถึงปฏิสัมพันธ์ของลูก 2 คนด้วย เหตุนี้ “บาร์บี้” สำหรับป้าตุ๊กจึง “ไม่ได้จำกัดความแค่เพียงตุ๊กตา”
เมื่อเราถามถึง “เสน่ห์ของบาร์บี้” คุณป้าบอกว่า นอกจากรายละเอียดและความสวยแล้ว บาร์บี้ยังเป็นเหมือนผู้หญิงที่มีชีวิตชีวา กล้าหาญ มั่นใจตัวเองสูง และเป็นตัวแทนของผู้หญิงสาขาอาชีพต่าง ๆ ด้วย โดยจะเห็นว่าบาร์บี้แต่งตัวเป็นผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพ นอกจากนั้น ยังเป็นเหมือนไอคอนของยุคสมัยอีกด้วย ซึ่งเคยมีการผลิตบาร์บี้เป็นผู้หญิงผิวสีโดยดีไซเนอร์ที่เป็นคนผิวสีมาแล้ว เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการไม่เหยียดสีผิวและเชื้อชาติ ขณะที่อีกหนึ่ง “เสน่ห์ที่ทำให้บาร์บี้มีชีวิต” ก็คือ เพราะบาร์บี้ถูกสร้างให้ “มีชีวิตที่ครบรสชาติ” ไม่ต่างจากชีวิตของคนจริง ๆ
’ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชีวิตของบาร์บี้ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ซึ่งก็เหมือนกับชีวิตของคนทุกคน ที่มีทั้งดีใจ สมหวัง เสียใจ ผิดหวัง อีกอย่างในมุมของเรายังมองว่า บาร์บี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์นะ เพราะบางครั้งเธอก็แต่งตัวเนี้ยบ บางทีเธอก็แต่งตัวเพี้ยนจนหลุดโลก แต่ที่เธอฉายภาพตัวตนออกมาชัดเจนก็คือ ความเป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในตัวเอง เพื่อตอกย้ำให้ผู้หญิงทุกคนต้องมั่นใจ กล้าหาญที่จะเป็นตัวเอง และปัจจัยนี้เองที่ทำให้บาร์บี้ไม่เคยตายหรือหายไปจากความทรงจำของคนทั่วโลกที่หลงรักบาร์บี้เลย“ คุณป้าย้ำกับเราไว้เรื่องนี้
พร้อมทั้งบอกถึงการสะสมด้วยว่า ไม่เฉพาะแค่การสะสมตุ๊กตา แต่รวมถึงสิ่งอื่น ๆ ด้วย ที่ควรเริ่มต้นจากการที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และอย่าสะสมเพื่อจะไปประกวดประชันขันแข่งกัน แต่ควรเกิดจากความรักความชอบเป็นพื้นฐานจะดีกว่า
’การสะสมควรที่จะต้องเกิดจากความรักความชอบ และต้องมีความทรงจำที่ผูกพันกับของที่เราอยากสะสมจริง ๆ คุณค่านั้นถึงจะอยู่คงทน ซึ่งในวงการตุ๊กตาก็มีวิกฤติฟองสบู่เช่นกันนะ เพราะบางคนเล่นไปตามกระแส ไม่ได้เกิดจากความรักความชอบที่แท้จริง ดังนั้น สำหรับป้าแล้ว การสะสมจะต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น และก็ไม่ต้องไปอวดใครว่าแพงขนาดนี้แต่ฉันมีปัญญาซื้อนะ“ ป้าตุ๊กกล่าวทิ้งท้ายด้วยประเด็นชวนคิดนี้ไว้พร้อมรอยยิ้ม
การสนทนากันครั้งนั้น ติดลมจนเวลาล่วงเลยใกล้เข้าสู่ช่วงพลบค่ำเราจึงขออนุญาตลา ป้าตุ๊ก–สุนัน หนึ่งในนักสะสมบาร์บี้ลำดับต้นในเมืองไทย แต่ก็ไม่ลืมถามคำถามสำคัญปิดท้ายว่า คุณป้าได้วางแผนที่จะสะสมบาร์บี้และตุ๊กตาน้อยใหญ่เหล่านี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน??? ซึ่งป้าตุ๊กก็ตอบสั้น ๆ กับ “ทีมวิถีชีวิต” ไว้ว่า ’จะขอเก็บสะสมตุ๊กตาไปเรื่อย ๆ หรือจนกว่าจะเก็บไม่ไหว…
เพราะรัก“.
ไม่เพอร์เฟกต์..แต่ ‘เธอมีชีวิต??’
’ป้าตุ๊ก-สุนัน วิเศษกิจ“ เจ้าของฉายา ’คุณป้าบาร์บี้เมืองไทย“ กล่าวเสริมย้ำถึง “เสน่ห์ของบาร์บี้ที่ทำให้ตกหลุมรัก” ไว้ด้วยว่า ชอบในความที่ตุ๊กตาตัวนี้มีเรื่องราวไม่ต่างกับคนจริง ๆ เพราะบาร์บี้นั้น มีอาชีพ มีเพื่อน มีแฟน มีน้อง มีหลาน มีเส้นทางชีวิตเหมือนกับคน ๆ หนึ่งจริง ๆ คือมีเรื่องราว มีแฟน มีเลิกรากัน และกลับมาคืนดีกัน ซึ่งชีวิตของบาร์บี้นั้นไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ แต่เหมือนคนเราที่ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ มีดีใจ มีเสียใจ มีผิดหวัง มีสมหวัง ทำให้บาร์บี้ก็เลยไม่เคยตายไปจากความทรงจำของคนที่ชอบที่รัก ทั้งนี้ คุณป้ายังบอกย้ำไว้ด้วยว่า ’บาร์บี้ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์ เพราะบางทีก็แต่งตัวเนี้ยบมาก บางทีก็แต่งตัวไม่ได้เรื่อง หรือบางทีก็หลุดโลกไปเลยก็มี แต่สิ่งที่บาร์บี้ฉายภาพตัวตนออกมาก็คือ ความเป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในตัวเอง ที่เป็นเสน่ห์บาร์บี้ที่หลายคนหลงรักเธอ“.