ขาดอีกแค่ 8 เกม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะถึงหลักไมล์ของการลงสนามให้ลิเวอร์พูลครบ 500 นัด แต่น่าเสียดายที่วันนั้นจะไม่เกิดขึ้น เพราะเฮนโดตัดสินใจอำลาแอนฟิลด์ย้ายไปร่วมทีมอัล-เอตติฟัค ในซาอุดิอาระเบีย โดยเชื่อว่ารับค่าจ้างมหาศาล 7 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ตีกลมๆ เป็นเงินไทยสัปดาห์ละ 30 ล้านบาท ทำงานปีเดียวก็ 1,560 ล้านบาท

ด้วยอายุที่ปาเข้าไป 33 ปี โอกาสลงสนามเริ่มจำกัดจำเขี่ย แถมย้ายออกไปยังรับเงินมากกว่าเดิมตั้งหลายเท่า มันก็คงไม่แปลกที่เขาเลือกผจญภัยกับความท้าทายครั้งใหม่ แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล สามารถหาคนมาแทนได้ แต่มันก็สิ่งที่พวกเขาอาจหาแทนได้ยาก?
การประเมินว่าลิเวอร์พูลกำลังเสียอะไร คุณต้องแยกเฮนเดอร์สันที่เป็นผู้เล่นออกจากเฮนเดอร์สันที่เป็นกัปตันทีม และโฟกัสที่ปัจจุบันมากกว่าอดีต

เฮนเดอร์สัน ไม่ได้เป็นตัวจริงอีกแล้ว เขาเคยออกสตาร์ต 76% ในพรีเมียร์ลีก 2021-22 แต่ลดลงเหลือ 61% ในปี 2022-23 ตอกย้ำด้วยนักเตะใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทั้ง อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ และโดมินิก โซบอสไล

บางทีตลอดอาชีพการค้าแข้งที่ลิเวอร์พูลของเขา เฮนเดอร์สันไม่ได้รับเครดิตมากมายอย่างที่ควรจะเป็น แต่เขาสามารถพิสูจน์ตัวเองจากนักเตะที่เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกือบจะขายกลายเป็นกัปตันทีมคนใหม่แทนสตีเวน เจอร์ราร์ด ที่ย้ายออกไปเมื่อปี 2015 เขาก้าวพ้นจากเงาของเจอร์ราร์ดกลายเป็นเสาหลักและศูนย์กลางของเพื่อนร่วมทีม

ตอนที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักข่าวกับคำถามว่า พรสวรรค์หรือทัศนคติที่สำคัญกว่ากัน? เจอร์เกน คลอปป์ บอกว่า ถ้าไม่มีพรสวรรค์ คุณก็ไม่มีอะไร และถ้าทัศนคติไม่ดี ก็จะจบที่มีแค่พรสวรรค์ไปตลอด แต่เฮนเดอร์สันคือตัวอย่างของคนที่มีส่วนผสมทั้งสองอย่าง

การหาคนแทนเฮนเดอร์สันไม่ยากเท่ากับหาคนที่เป็นผู้นำ แต่ละวันในสนามซ้อม เขาช่วยสร้าง และรักษาจิตวิญญาณและความสามัคคีในห้องแต่งตัว เขาทำตัวเองเป็นแบบอย่างต่อคนอื่น ต่อเพื่อนๆ ต่อรุ่นน้อง ถ่อมตัวเมื่อทำได้ดี และบอกให้ทุกคนเชิดหน้าเมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นดั่งใจ

เฮนเดอร์สัน จากไปพร้อมกับช่องว่างขนาดใหญ่ เป็นเรื่องของสภาพจิตใจในทีมไม่ว่าตอนแข่งหรือตอนซ้อม มันน่าสนใจว่า คลอปป์ จะอุดช่องว่างมหึมาตรงนี้ได้ดีแค่ไหน.

เฮียเอง