เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่เคารพ

ปัจจุบันผมอายุ 47 ปี มีครอบครัวแล้ว ได้อ่านบทความที่ลงเดลินิวส์คอลัมม์เสพสมบ่มิสม ทำให้เกิดข้อสงสัยที่อยากปรึกษากับคุณหมอว่า “โรคไพรอะพริมส์” หรืออาการที่อวัยวะเพศแข็งค้างนั้น สามารถเกิดได้กับคนที่กินยาเฉพาะกิจได้หรือไม่  ปัญหาเรื่องการแข็งตัวไม่ค่อยเต็มที่ บางครั้งก็ต้องพึ่งยาตัวดังกล่าวโดยที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน คือซื้อยากินเอง จึงเกิดความไม่สบายใจ เพราะหากเกิดภาวะดังกล่าวแล้ว อาจทำให้ต้องสูญเสียความสามารถทางเพศไปได้เลย จึงอยากได้ความรู้เพิ่มเติม

ด้วยความเคารพ

อำนวย 47

ตอบ อำนวย 47

ภาวะไพรอะพริมส์ (priapism) เป็นภาวะที่องคชาตมีการแข็งตัวเต็มที่หรือไม่เต็มที่ที่แต่ก็แข็งนานต่อเนื่องมากกว่า 4 ชั่วโมงโดยไม่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นทางเพศ โดยปกติจะเกิดผลกระทบที่กล้ามเนื้อ คอร์ปอร่า คาเวอโนซา (corpora cavernosa) เท่านั้น ขณะที่ส่วนของกล้ามเนื้อคอร์ปอร่า สปองจิโอซัม (corpus spongiosum) และส่วนหัวองคชาต (glans) จะไม่มีความเกี่ยวข้อง ภาวะ priapism สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ 1.  Ischemic (veno-occlusive or low flow) priapism เป็นการแข็งตัวขององคชาตที่คงอยู่ต่อเนื่องเป็นชั่วโมงจากการใช้ยาฉีดพบได้บ่อยหากฉีดเกินจำนวนที่แพทย์แนะนำ เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันทีทันใด คนที่เป็นภาวะนี้จะเกิดการแข็งตัวค้างขององคชาตและเจ็บปวด 2. Nonischemic (arterial, high flow) priapism เป็นภาวะองคชาตแข็งตัวค้างที่ไม่เกี่ยวข้องทางเพศที่เกิดจากการไหลเข้าของเลือดสู่องคชาตที่ผิดปกติ โดยทั่วไปกล้ามเนื้อคอร์ปอร่า คาเวอโนซา (corpora cavernosa) จะไม่ได้แข็งตัวเต็มที่หรือเจ็บปวดภาวะ Nonischemic priapism ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินเพราะกล้ามเนื้อเพศได้รับออกซิเจนเพียงพอและการแข็งตัวที่เกิดขึ้นไม่เจ็บปวด

ยาหลายชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะดังกล่าว ได้แก่ ยากลุ่ม alpha-blocking agents, ยารักษาความดันโลหิตสูง, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ยารักษาอาการซึมเศร้า, ยาคลายเครียด, สารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทอื่น ๆ, แอลกอฮอล์, ฝิ่น, โคเคน, สารเสพติดผิดกฎหมายอื่น ๆ, ยาฉีดในกล้ามเนื้อเพศ, ยายับยั้งเอนไซม์พีดีอี5, ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และฮอร์โมน gonadotropin-releasing hormones

มีการรายงานจาก JSM ว่ายากลุ่มพีดีอี 5ไอ มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะ ischemic priapism แต่อัตราการเกิดนั้นต่ำมาก และต้องแก้ไขด่วนภายใน 4 ชั่วโมง แต่แพทย์ที่มีประสบการณ์เชื่อว่าอัตราการเกิดภาวะไพรอะพริมส์ ในชายที่รับประทานยากลุ่มพีดีอี5ไอ ไม่ได้มากไปกว่าชายอายุเท่ากันที่มีสุขภาพเดียวกันและไม่ได้รับประทานยากลุ่มดังกล่าวเลย การฟื้นฟูอาการอีดีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือการได้รับการฟื้นฟูจากผู้เชี่ยวชาญว่าจะต้องรับยาระดับไหน ห้ามยาตัวไหน ควรป้องกันไว้ดีกว่าแก้ โดยฝึกกล้ามเนื้อเพศให้แข็งตัว 30 นาทีจากการออกกำลังและไม่ต้องใช้ยากินด้วย.

___________________
ดร.โอ สุขุมวิท 51