ยังไม่ทันจะปิดสวิตช์สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูก ส.ว. และพรรคการเมืองขั้วเดิม รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญปิดสวิตช์ไปเรียบร้อย!

แต่พรรคก้าวไกลจะถูกปิดสวิตช์ตามมาอีกหรือไม่? นั่นหมายถึง ส.ว. และพรรคการเมืองขั้วเดิม ตั้งเงื่อนไขกีดกันไม่ให้ก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล ไม่เช่นนั้นจะไม่โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ด้วย!

นี่คือบทเรียนราคาแพง! เนื่องมาจากพรรคก้าวไกลมีประสบการณ์น้อย จึงทำอะไรสะเปะสะปะ ตั้งแต่

1.วันที่ 13 ก.ค. 66 แพ้โหวตไปแล้ว แต่พรรคก้าวไกลกลับไปยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. มันจึงย้อนแย้งที่จะไปขอเสียงโหวตสนับสนุนจาก ส.ว. ในการโหวตนายพิธาครั้งที่ 2 วันที่ 19 ก.ค. 66

2.ก่อนโหวตครั้งที่ 2 พรรคก้าวไกลไปยื่นขอ “สุราก้าวหน้า” ขอปฏิรูปกองทัพ ขอยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) แล้ว ส.ว. สายทหารเกือบ 90 คน จะโหวตให้นายพิธาไปเพื่ออะไรมิทราบ?

3.การแก้รัฐธรรมนูญ ต้องมี ส.ส. ฝ่ายค้าน ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. แต่ปัจจุบันยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นฝ่ายค้าน ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้เลย ส่วน “สภาปรสิต” ยังเป็นเงาติดตามพรรคก้าวไกลไปอีกเกือบ 10 เดือน จึงจะพ้นวาระการเป็น ส.ว.

ที่สำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 60 “โคตรยาก” ต้องใช้เสียงจำนวน 1 ใน 3 ของ ส.. คือ 83 คน ต้องเห็นด้วยถึงจะผ่าน! ก็ขนาดควานหา ส.. 65 คน มาสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกฯ ยังทำไม่ได้เลย

4.พรรคก้าวไกล “เลี้ยงกระแส” กับ “โหวตเตอร์” ไปเรื่อย ๆ เมื่อนายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ และถ้าพรรคก้าวไกลไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะอ้างว่าถูกนายทุนผูกขาด หรือถูกกองทัพรังแกหรือเปล่า? (กลับไปอ่านข้อ 3)

5.เลือกตั้งผ่านมากว่า 2 เดือน พรรคก้าวไกลต้องเห็นใจประชาชนกว่า 50 ล้านคนด้วย อย่าอ้างแต่ 14 ล้านเสียงที่เลือกก้าวไกล เพราะในอดีตพรรคไทยรักไทยเคยได้ 19 ล้านเสียง ได้ ส.ส. 377 คน ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวก็มีมาแล้ว แต่พรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ในอดีต ผ่านการเลือกตั้งมา 2 ครั้ง แต่ยังไปไม่ถึงจุดนั้น

ดังนั้นพรรคก้าวไกลต้องสร้างบรรยากาศ “กระบวนการการมีส่วนร่วม” จากภาคประชาชนและพรรคการเมืองต่าง ๆ ให้คล้อยตามกันก่อน และถ้าจะเป็นรัฐบาลก็ต้องจัดลำดับความสำคัญว่าอันไหนควรทำก่อน-หลัง เช่น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-แก้ปัญหาสังคมและการศึกษา-แก้ปัญหาทางการเมือง (แก้ไข ม.112-ปฏิรูปกองทัพ)

“พยัคฆ์น้อย” ชอบพรรคการเมืองถ้าเป็นรัฐบาลแล้วทำให้เศรษฐกิจดี ประชาชนมีเงินมากขึ้น ไม่เหลื่อมล้ำกันมาก มีคุณภาพชีวิตดีกว่า 8 ปีที่ผ่านมา และเที่ยวหน้าพรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส. เกิน 250 คน หรือมีพรรคไหนสูญพันธุ์ ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร!

เนื่องจากไม่ได้มีอะไรกับพรรคก้าวไกล และมีหลายมุมที่ชอบด้วยซ้ำไป! แต่ก็มีเรื่องที่จะบอกก้าวไกลว่าต้องเตือน “โหวตเตอร์” อย่าไปล่วงล้ำก้ำเกินครอบครัวของ ส.ว. เขา! อะไรที่ทำแล้วจะเกิดความขัดแย้งกันหนัก หรือยังทำไม่ได้ก็ต้องบอกกันไปตามความจริง ควร “เลี้ยงกระแส” ไปบนโลกของความจริง!!

——————-
พยัคฆ์น้อย