เมื่อ 38 ปีก่อน มีคดีสะเทือนขวัญคดีหนึ่งเกิดขึ้นในญี่ปุ่น เป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องที่อาศัยการวางยาพิษในเครื่องดื่ม ทำให้มีคนเสียชีวิตไปถึง 12 คน และจนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถสืบหาตัวการในคดีนี้ได้

การฆาตกรรมครั้งแรก เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 30 เม.ย. 2528 เหยื่อคนแรกดื่มน้ำผลไม้เสริมวิตามินขวดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะที่มีคนดื่มไม่หมด แล้ววางขวดพร้อมกับน้ำที่เหลือทิ้งไว้บนหลังตู้ขายของอัตโนมัติ ในเมืองฟุคุยามะ จังหวัดฮิโรชิมะ

เหยื่อรายแรกซึ่งเป็นชาย อายุ 45 ปี ทำงานเป็นคนขับรถบรรทุก เกิดล้มป่วยหลังจากดื่มน้ำในขวดดังกล่าว และเสียชีวิตลงในวันที่ 30 พ.ค. 2528

ผลจากการชันสูตรพบว่า สารตกค้างในร่างกายบ่งบอกว่าน้ำผลไม้ที่เหยื่อดื่มนั้นมีสารพาราควอต ไดคลอไรด์ ผสมอยู่ด้วย สารดังกล่าวเป็นสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าวัชชพืชทางการเกษตร หากเข้าสู่ร่างกายหรือตกค้างอยู่ในร่างกายในปริมาณสูง จะทำให้ล้มป่วย ร่างกายเกิดภาวะเป็นพิษและเสียชีวิตได้

เหยื่อฆาตกรรมรายต่อมาเป็นชายอายุ 52 ปี ชื่อว่า ฮารุโอะ โอตสึ ล้มป่วยและเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันกับเหยื่อรายแรก โดยเขาดื่มเครื่องดื่มผสมสารเคมีเป็นขวดที่ 2 หลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มยี่ห้อเดียวกันเป็นขวดแรกไปแล้วในวันที่ 11 ก.ย. 2528 ซึ่งมีการให้ข้อมูลว่า เป็น “ของฟรี” ที่ได้จากตู้ขายอัตโนมัติ

หลังจากนั้น ก็มีผู้ตกเป็นเหยื่อจากการวางยาพิษผ่านเครื่องดื่มจากตู้ขายอัตโนมัติอีก 10 ราย ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่น ทั้งหมดล้มป่วยและเสียชีวิตหลังจากดื่มเครื่องดื่มมรณะ เหยื่อเกือบทั้งหมดเป็นเพศชาย ยกเว้นเด็กสาววัย 17 ปี จากจังหวัดไซตามะ ผู้ตกเป็นเหยื่อคนสุดท้าย และเป็นเหยื่อเพศหญิงเพียงคนเดียวของการฆาตกรรมต่อเนื่องคดีนี้ 

ที่น่าประหลาดใจก็คือ หลังจากที่เธอเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องผสมสารเคมีพิษ การวางยาในเครื่องดื่มเพื่อฆ่าคนตามตู้ขายของอัตโนมัติ ก็ยุติลงอย่างสิ้นเชิง

ตำรวจญี่ปุ่นเปิดการสืบสวนคดีนี้เพื่อหาตัวฆาตกร แต่กลับไม่พบเบาะแสมากพอที่จะนำไปสู่คนวางยาพิษได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถระบุได้ด้วยว่า อะไรมูลเหตุจูงใจในการลงมือของฆาตกร เพราะการวางยาพิษทั้ง 12 ราย เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ ต่างสถานที่ มีลักษณะเป็นการสุ่มเลือกอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของสถานที่และเหยื่อ โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดไม่รู้จักกันหรือไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันเลย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระตุ้นให้ภาครัฐต้องออกแคมเปญรณรงค์ให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบเครื่องดื่มที่ซื้อจากตู้ขายอัตโนมัติให้ดีก่อนดื่มลงไปทุกครั้ง 

หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 4 ทศวรรษ คดีนี้ก็ยังกลายเป็นคดีที่ปิดไม่ลง กระนั้น หากมีการจับกุมเกิดขึ้น ฆาตกรก็ยังคงต้องรับการลงโทษตามกฎหมาย เนื่องจากญี่ปุ่นได้ยกเลิกการกำหนดอายุความสำหรับคดีฆาตกรรมไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งการออกกฎหมายใหม่ในครั้งนี้ ยังมีผลบังคับใช้ย้อนหลังต่อคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอีกด้วย.

แหล่งข้อมูล : nextshark.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES