“My Happy Marriage ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข” คือภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่นแฟนตาซีย้อนยุค ที่สร้างจากซีรีส์ไลท์โนเวลยอดนิยมของนักเขียน “อาคุมิ อากิโตกิ” วาดภาพประกอบโดย “สึคิโฮะ สึคิโอกะ” ก่อนถูกดัดแปลงเป็นมังงะโดยอาจารย์ “ริโตะ โคซากะ” ที่มียอดขายมากกว่า 6.5 ล้านเล่ม และกำลังถูกสร้างเป็นอนิเมะซีรีส์ฉายทาง Netflix มีกำหนดปล่อยสตรีมต้นเดือน ก.ค. 2566

“ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข” เป็นนิยายและมังงะแนวโชโจ การ์ตูนตาหวานที่เน้นเจาะกลุ่มนักอ่านผู้หญิง มาพร้อมพล็อตเรื่องสุดคลาสสิกแนวพิมพ์นิยม นางเอกด้อยกว่าพระเอก โดยนางเอก “ไซโมริ มิโยะ” (แสดงโดย มิโอะ อิมาดะ) เด็กสาวผู้อาภัพ หลังจากที่แม่แท้ ๆ เสียชีวิตไป ทำให้มีชีวิตที่น่าสงสารประมาณ “พจมานบ้านทรายทอง” ไม่สู้คน ขณะที่พระเอก “คุโด คิโยกะ” (แสดงโดย เรน เมกุโระ) ทหารหนุ่มรูปงามเจ้าบ้านตระกูลคุโด หล่อเท่ สูงยาวเข่าดี เนี้ยบนิ้ง บ้านรวย เพื่อนเยอะ ต่อสู้เก่ง และที่สำคัญต้องซึน

พล็อตแนวนี้นางเอกจะต้องถูกรังแก เหยียดหยาม ด้อยค่า ถูกกดจนแทบจมดิน ก่อนได้รับความช่วยเหลือจากพระเอกที่เป็นดั่งเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ คอยมาช่วยเหลือนางเอกในยามที่ถูกข่มเห่ง หรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายต่าง ๆ

แต่สำหรับ My Happy Marriage มีความพิเศษใส่ไข่ นั่นคือมีการพัฒนาโครงเรื่องปรับเปลี่ยนใส่ความแฟนตาซีเข้าไป ด้วยการให้ตัวละครเด่น ๆ ทุกตัวมีพลังพิเศษ ยกเว้น “นางเอก” ต้องต่ำต้อยด้อยค่า ไม่มีพลังพิเศษอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่เกิดในตระกูลผู้มีพลังพิเศษ จึงถูกรังเกียจเดียดฉันท์ แม้แต่พ่อแท้ ๆ ของตัวเองก็ไม่รัก ไม่สนใจ เพราะไม่มีพลังพิเศษ จึงต้องใช้ชีวิตเยี่ยงทาส มีสถานะประหนึ่งคนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น ทำให้ถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดารังแก กดขี่ข่มเหงอย่างหนักหน่วง และจริง ๆ แล้ว ทั้งพ่อ แม่เลี้ยง และน้องสาว ไม่มีใครอยากให้นางเอกอยู่ในบ้าน หรือมีชีวิตอยู่อีกต่อไป จึงส่งนางเอกให้ไปเป็นเจ้าสาวของพระเอกที่มีข่าวลือว่า เลือดเย็น ไร้หัวใจ โหดเหี้ยมอำมหิต ด้วยหวังว่านางเอกจะถูกทารุณ หรือถูกฆ่าจนเสียชีวิต แต่กลับกลายเป็นว่า นางเอกซึ่งเป็นผู้หญิงในแบบที่พระเอกไม่เคยเจอมาก่อน สามารถละลายน้ำแข็งในใจของพระเอกได้สำเร็จ

จุดแข็งของ My Happy Marriage

ด้วยพล็อตเรื่องที่แข็งแรงมาก ๆ เพราะเป็นแนวพิมพ์นิยมอยู่แล้ว แต่การใส่ความแฟนตาซีเข้าไป ทำให้มีความร่วมสมัยด้วย จึงมีศักยภาพในการเจาะถึงใจคนทุกเพศทุกวัย

พระเอกที่แสดงโดย “เรน เมกุโระ” หล่อและเท่มาก ด้วยเสื้อผ้าหน้าผม บทที่ส่ง และโปรดักชั่นส์ที่ดีงาม แม้แต่ผู้ชายอกสามศอกยังแอบหวั่นไหวไม่ได้อะ เพราะฉะนั้น สาว ๆ ห้ามพลาดจริง ๆ

นางเอก “มิโอะ อิมาดะ” เข้าถึงบทบาทได้ดีมาก ๆ แสดงได้น่าสงสารชนิดจับจิตจับใจ ประหนึ่งลูกแมวตัวน้อยที่เปียกฝนมะล่อกมะแล่ก ทำเอาทุกคนที่ได้เห็นอยากเข้าไปช่วย เข้าไปโอ๋ เข้าไปดูแลเธอ ถือเป็นหนึ่งในการแสดงระดับมาสเตอร์พีซของมิโอะจังเลย โดยเฉพาะฉากที่พระเอกชมว่าอาหารที่เธอทำอร่อย รีแอ็คชั่นของเธอนั้นแสดงได้สุดยอดจริง ๆ

แม้หนังจะดูเครียด ๆ แต่ฉากเซอร์วิสนี่จัดเต็ม ทำเอาโรงหนังกลายเป็นสีชมพูไปเลย บางคนถึงกับงงว่า นี่เราเข้ามาดูเขาจีบกันเหรอเนี่ย รับประกันว่า ได้ฟินจิกหมอนรัว ๆ เลย

จุดอ่อนของ My Happy Marriage

พล็อตเรื่องแบบนี้คนทั้งโลกรู้อยู่แล้วว่าจะมาแนวไหน บางคนอาจบอกว่าคลาสสิก แต่บางคนอาจมองว่า น่าเบื่อ ซ้ำ ๆ เดิม ๆ

ในส่วนของฉากที่ได้โชว์พลังพิเศษของพระเอก อาจมีน้อยไปสักหน่อย (ตามต้นฉบับแหละ) ถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะเป็นหนึ่งในทีเด็ดของเรื่องเลย

4/5
สำหรับแนว Old School แบบหมีเช เจอพล็อตอมตะนิรันดร์กาลสุดคลาสสิกแบบนี้ แถมมีการใส่ความแฟนตาซีเพิ่มเข้าไป จึงชื่นชอบเป็นพิเศษ และส่วนตัวนิยมชมชอบนางเอกน้องมิโอะจังอยู่ก่อนแล้วด้วย จากหนังไลฟ์แอ็คชั่น Tokyo Revengers ที่รับบทนางเอก “ฮินาตะ” และซีรีส์ Hanzawa Naoki ในบทสาวออฟฟิศ จึงทำให้การชม My Happy Marriage เต็มไปด้วยช่วงเวลาดี ๆ และน่าประทับใจ แม้จะมีช่วงที่หนังดูเนือย ๆ อยู่บ้าง แต่โดยภาพรวม สาว ๆ ที่ชื่นชอบมังงะแนวโชโจ และสาว ๆ ที่หลงรักความคลาสสิกแนว “บ้านทรายทอง”, “ดาวพระศุกร์”, “สโนว์ไวท์” ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : หมีเช