หากเอ่ยถึงชื่อของนักแสดงวัยรุ่นขวัญใจคนไทยที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และมีแฟนๆติดตามมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าหลายคนต้องมีชื่อของนักแสดงหนุ่มสุดเท่ สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์ อยู่ในลิสต์นั้นแน่นอน เพราะด้วยเสน่ห์ในตัวตนและการแสดงที่เขาทำทุกๆผลงานออกมา บอกเลยว่าทำให้แฟนๆมีความสุขและเห็นถึงความตั้งใจในเส้นทางสายการแสดงนี้จริงๆ และด้วยความน่ารักเป็นกันเองของหนุ่มสิงโต ก็เป็นเครื่องการันตีชั้นดีได้ว่าเพราะความเป็นตัวเขาและน่ารักเลยทำให้แฟนๆต่างหลงรักเขาและชื่อชอบเขาไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหน และแม้จะมีดาวดวงใหม่เกิดขึ้นอีกเท่าไหร่ หนุ่มสิงโตก็ยังคงยึดหัวใจแฟนๆได้อย่างมากมาย

งานนี้ด้วยความน่ารักของหนุ่มสิงโตทำให้ yimyim มีโอกาสได้สัมภาษณ์หนุ่มสิงโตถึงการทำงานของตนเอง ทั้งเพลง ตัวตนและงานอื่นๆรวมถึงแฟนๆของเขา เกี่ยวกับความผูกพันที่มีมาอย่างเหนียวแน่น ไม่อยากให้พลาดบทสัมภาษณ์นี้เลย เพราะเป็นบทสัมภาษณ์ที่เชื่อว่าใครได้อ่าน ได้เห็นทัศนคติของเขาจะหลงรักเขาแบบที่ทุกคนเป็นแน่นอน

ทักทายแฟนๆสักหน่อย?

“สวัสดีครับแฟนๆเดลินิวส์ออนไลน์ ผมสิงโต ปราชญานะครับ(ยิ้ม)”

มีหลายเซ็กชั่นที่หลายคนอยากอัปเดตกับพี่สิง มาเริ่มกันที่โหมดงานเพลงกันก่อน เพิ่งปล่อยเพลงออกไปเลยชื่อเพลงว่า “ไม่ดีก็ดี(เพราะมีเธอ)” เป็นอย่างไรบ้าง?

“ล่าสุดก็มีเพลงแรกเลย ซึ่งเป็นเพลงของสิงเอง เป็นการร่วมงานกันของทางเกาหลีและญี่ปุ่น ทีมงานของทั้งสองคนประเทศ โดยมีเจฟ ซาเตอร์เป็นคนแต่งเนื้อเพลงให้และรวบรวมความหมายและความรู้สึกต่างๆจากสิงเอง ส่งไปให้เขาทำงานร่วมกัน และไปอัดเพลงที่เกาหลี”

เป็นความตั้งใจที่อยากทำงานร่วมกันใช่ไหม?

“เป็นความตั้งใจที่อยากทำเพลงเพื่อขอบคุณแฟนๆ ทีมงานเสนอมาว่าอยากร่วมงานกับใครหรือเปล่า ถ้ามีโอกาสนะ และบังเอิญช่วงนั้นได้ร่วมงานกับเจฟ ซาเตอร์พอดีเลยได้ร่วมงานกันอีกเลย

การทำงานกับเจฟ เป็นอย่างไรบ้าง?

“เขาทำงานได้มืออาชีพมาก มากๆจริงๆ และเวลาอยู่ในห้องอัด เจฟจะเป็นคนที่ช่วยดูเรื่องเสียงสิง เจฟจะเป็นคนที่จริงจังมากตอนอัด และเขาเป็นคนเท่มาก เท่มากจริงๆ เวลาเราเจอใครจริงจังกับการทำงานที่ตัวเองรักแล้วมันเท่จริงๆ คือเขาไม่ได้เก๊กหรืออะไรเลยให้มันดูเท่ แต่เขาแค่เป็นธรรมชาติของเขาแล้วมันดูเท่มากๆเลย”

แนวเพลงเป็นแบบไหนยังไง?

“อันนี้เป็นแนวที่สิงเสนอไปทางญี่ปุ่นและทางทีมงานเองก็อยากได้เพลงที่คือสิงเป็นคนชอบเพลงช้า และเป็นแนวแบบประกอบซีรีส์ มันจะเป็นแบบช้าๆเนิบๆนิดนึง เลยเสนอทางทีมงานไปเขาก็โอเค แนวดูไม่ป๊อบขนาดนั้น มันดูมีความบัลลาด ถ้าทุกคนฟังจะรู้เลยว่ามันมีกลิ่นไอความเป็นซีรีส์อยู่ในทำนอง(ยิ้ม)”

ฟีดแบ็กจากแฟนๆว่าอย่างไรบ้าง?

“แฟนๆชอบเลยและผมเองก็อยากให้โฟกัสความหมายของเพลงเพราะอย่างที่บอกตอนแรกเลยขอบคุณแฟนๆ เราอยากขอบคุณการมีแฟนคลับอยู่เลยส่งเนื้อไปให้เขาแต่ง พอเพลงออกไปเลยอยากให้แฟนๆโฟกัสความหมายของเพลงเป็นพิเศษ”

เป็นความตั้งใจที่อยากให้เป็นแบบนี้?

“เพลงชื่อว่าไม่ดี…ก็ดี(เพราะมีเธอ) ผมต้องการอยากสื่อว่าต่อให้ผ่านวันร้ายๆมา แต่มันก็ดีนะที่วันนี้ได้มีเธอ สื่อตรงถึงแฟนๆเลยครับ”

เพลงนี้ยากไหมในการทำงานเล่าสักหน่อย?

“ยากมาก ยากจริงๆก่อนที่จะมาเป็นเพลงหนึ่งเพลง มีทีมงานร้องไกด์มา มีเดโม่มา เราร้องตามตัวเดโม่แรกที่ได้มา เสียงสูงมาก เทคนิคการร้องยากมาก เราแค่ชอบร้องเพลงไม่ใช่นักร้อง พอได้ไปเข้าห้องอัดเพลงนี้ ยากมากจนกดดันมาจนแบบมันไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ ร้องยังไงก็ไม่ได้ดังใจ ใช้เวลาอัดร้อง 2 วัน บางคนใช้วันเดียวหรือครึ่งวัน ตอนอัดเสียงเราก็แหบด้วยเพราะตอนอัดอากาศเปลี่ยน ที่เกาหลีค่อนข้างเย็นมากตอนนั้น พอออกมาปุ๊บดีกว่าที่คิด โอเค”

จะมีอัลบั้มจริงจังไหม?

“ไม่แน่ใจเลย แฟนๆที่ตามสิงจะเห็นว่าหลังๆเสียงสิงไม่เหมือนเดิม เสียงสิงตั้งแต่หลอดลมอักเสบไป เราแพ้อะไรเยอะมาก พอหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หมอบอกเสียงเราจะประมาณนี้ จะให้ใสแบบเมื่อก่อนที่จะเป็นไม่ได้ เลยคุยกับแฟนๆว่าก็คงร้องเพลงแล้วแหบง่ายขึ้น ถ้าใช้เสียงเยอะจะแหบไวขึ้น”

เราไปหาหมอดูแลอาการไหมหลังจากป่วยเส้นเสียงอักเสบ?

“ฟอลโลว์อัปครับ เราพยายามเลี่ยงเรื่องควันและถ้ามีอาการไอหรือเจ็บคอหรือว่าหนักมากๆต้องไปหาหมออีก เพื่อรักษา และกินยาเพื่อเคลียร์เรื่งนี้ หมอบอกเรื้อรังนะ ถ้าดูแลไม่ดีอาจจะกลับมาเป็นได้ดี อย่างฝุ่นนี้มีฝุ่นและควัน อย่างผมแสดงเราเลี่ยงไม่ได้ เราทำงานถ่ายเอ้าท์ดอร์มันเลี่ยงไม่ได้อยู่ ควันบางทีเราสโมกในซีน อย่างซีรีส์ที่ผ่านมาเป็นซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนนิดนึง ก็จะสโมกเยอะ ถ่ายเสร็จไม่กี่วันหลอดลมอักเสบขึ้นมาอีก มันเป็นสิ่งที่เราเลี่ยงได้ยาก และเราก็ไม่ได้อยากให้ทีมงานรู้สึกว่าใช้สโมกไม่ได้เพราะเราแพ้ คือเราไม่ได้แพ้แรงขนาดนั้น อยากให้การทำงานสมูท แต่มันจะกระทบบ้างเรื่องเสียง”

ความคาดหวังในเพลงคืออะไร?

“ถ้าแฟนๆชอบก็ดีใจแล้วครับ ความคาดหวังหลักๆเลยอยากให้แฟนๆเข้าใจคือหลักๆเลยมันคือความหมายของเพลงมันคือการอยากขอบคุณเราไม่ได้หวังว่ายอดอูวมากมาย อยากให้เขารู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อขอบคุณแฟนๆนะ”

เรื่องยอดวิวจะต้องได้เท่าไหร่?

“ผมไม่เคยกดดันตัวเองเลยครับ ใดๆเลยจริงๆ ไม่ว่าจะผลงานการแสดงหรือผลงานใดๆก็ตาม เรามีความรู้สึกว่าเราทำผลงานอะไรออกมาแล้วและถ้ามันสุดของเราแล้ว ต่อให้ยอดวิวน้อยหรือเยอะก็ตามนั้น ขอให้เขาชอบผลงานเราและวิจารณ์ผลงานเราได้ตามสิ่งที่เขาเห็นมากกว่า สมมุติสิงยังร้องเพลงไม่ดี หรือแสดงไม่ดีก็คอมเมนต์กันมาได้ตามเนื้องานไปเลย เราจะได้เก็บมาว่าเราจะพัฒนาด้านไหนหรือพอจะปรับอะไรได้เพิ่มไหม”

แนวเพลงที่ชอบและถนัดเป็นแบบไหน?

“มันกดดันนิดนึง(หัวเราะ)แนวเพลงที่ชอบและถนัดต่างกัน สิงชอบเพลงแนวอาร์แอนด์บีและสายโวคอลหน่อย มีความบัลลาด โวคอลเยอะพอสมควร ศิลปินที่ชอบเช่น อ๊อฟ ปองศักดิ์ , ดา เอ็นโดรฟิน , แก้ม วิชญาณี คือทุกคนฃ้วนเป็นสายดีว่า โวคอล แบบอ้าปากมาเรารู้แล้วว่าเพราะ ซึ่งชอบมากจริงๆ แต่ร้องตามได้ไหมอีกเรื่องหนึ่ง”

เคยลองร้องไหม?

“ประกอบภาพยนตร์อาจจะไม่เคยร้องนะ แต่เวลามีคอนเสิร์ตหรืออะไรเขาให้เสนอเพลงไปร้อง เราก็เสนอหลายครั้งอยู่เหมือนกัน เอาเพลงที่ชอบไปร้อง มีหลายครั้งอยู่ คือที่ผ่านมาก็มี “กันและกัน” ของไทรอั้มพ์คิงดอมพ์ และเพลงในคอนเสิร์ตที่ผ่านมา ทุกคนน่าจะรู้ว่าเป็นเพลงที่สิงเลือกได้เพราะมันค่อนข้างเก่า(หัวเราะ)มันค่อนข้างใช้พลังเสียงครับ”

ติดใจการร้องเพลงไหมแล้วจะไปถึงโหมดการมีอัลบั้มเป็นของตัวเองเลยไหม?

“ถ้าถึงในโหมดนั้น ในปัจจุบันยังไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถามว่าเราชอบร้องเพลงไหม เราชอบร้องเพลงกับตัวเองมากกว่า หมายถึงว่าเราเป็นคนไม่ได้มั่นใจถึงขนาดไปร้องให้ใครฟัง มีบางเพลงที่เรารู้สึกว่ามันเพราะจังเลย แต่พอลองไปเพอร์ฟอร์มให้แฟนๆเห็น เราก็รู้สึกว่าเราขัดใจตัวเองเหมือนกันกับความสามารถในการร้องของเรา”

แต่ไม่แน่ใช่ไหม?

“ไม่แน่ๆ ไม่แน่มั้งครับ(หัวเราะ)และยิ่งเสียงเป็นอย่างนี้ หงุดหงิดตัวเองเหมือนกัน แป๊บๆเสียงหายอีกแล้ว”

แล้วได้รักษาหรือไม่?

“ก็พยายามรักษาครับ ถ้าไม่เจ็บคอก็ไม่ได้ไปหาหมอ”

ยังไงก็รอลุ้นในโหมดนี้ว่าจะยังไงต่อไป?

“อาจนะเป็นการร้องที่เสียงแหบมากขึ้น เสียงดูแบบ(ยิ้ม)ไปคนละเวย์กับเมื่อก่อนเคยร้อง”

แต่ในการร้องเพลงก็ยังสนใจอยู่ใช่ไหม?

“สนใจครับ และยังชอบอยู่ครับ(ยิ้ม)”

เรื่องแฟนไซน์ที่จะเกิดขึ้น 24 มิถุนายนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง?

“ก็แฟนไซน์ที่จะเกิดขึ้นมันมาจากการที่ผมมีโอกาสได้ไปแฟนไซน์ที่ญี่ปุ่นและเป็นออฟฟิเซียลแฟนไซน์ แล้วก็รู้สึกว่าเราจัดแฟนไซน์ที่ญี่ปุ่นเรายังไม่เคยจัดในไทยเลย บวกกับการปล่อยตัวเพลงออกมาและเป็นโฟโต้บุ๊คด้วย ก็เลยอยากให้แฟนๆไทยที่เขาไม่ได้บินไปที่ญี่ปุ่นมาเข้าร่วมงานกันได้ด้วย จริงๆการทำงานของแฟนไซน์เราก็อยากเอาการทำงานที่ญี่ปุ่นมาใช้ในไทยด้วย แต่ว่าเราก็ต้องเข้าใจนิดนึงว่าปกติของการจัดงานอีเวนต์หรือแฟนไซน์ต่างๆแต่ละประเทศ แฟนคลับไม่เหมือนกัน เราคงต้องเอาคอมเมนต์อะไรต่างๆมาดูว่าจะจัดออกมาในรูปแบบไหน”

ไม่หลุดสปอยเลย?

“มันก็เป็นการพบปะกันกับแฟนๆแหละครับ(ยิ้ม)”

พอรู้ว่าจะมีแฟนไซน์ในไทยเขาว่ายังไงบ้าง?

“เขาก็รู้สึกดีใจเหมือนกันเพราะว่าหลังจากปิดกล้องซีรีส์ของปีที่ผ่านไป ก็เว้นระยะพอสมควรที่ไม่ได้เจอแฟนๆเลย และไม่ได้ออกอีเวนท์อะไรมากมาย ส่วนใหญ่บินไปญี่ปุ่นและทำงานเสียมากกว่า กลับมาครั้งนี้หายไปพักนึงเพื่อรอเตรียมเปิดกล้องซีรีส์และปล่อยโฟโต้บุ๊คและมีงานแฟนไซน์ก็ถือเป็นอีเวนต์แรกๆที่จะได้เจอแฟนคลับแบบจริงๆจังครับ”

ทำงานเก็บไว้เยอะๆใช่ไหม?

“ไม่เชิงครับ ผมจะมีไทม์ไลน์ของตัวเองหลังจากทำงานและถ่ายซีรีส์มากกว่า”

แฟนคลับครั้งนี้ความพิเศษที่จะได้เห็นคืออะไร?

“น่าจะเป็นตัวโฟโต้บุ๊คครับ เพราะเป็นการถ่ายไว้นานแล้วพอสมควรและเป็นโฟโต้บุ๊คที่ค่อนข้างเผยมุมอื่นๆที่หลายๆคนน่าจะยังไม่เคยเห็น ค่อนข้างเยอะมากพอสมควรเหมือนกัน งานแฟนไซน์ก็ท้าทายความสามารถของเราและทีมงานเหมือนกัน คือที่ไทยไม่เคยจัดแฟนไซน์มาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนมีตติ้ง หรือพบปะพูดคุยกับแฟนๆ มีการเพอร์ฟอร์มและเล่นกิจกรรมกับเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แฟนไซน์แบบที่เป็นออฟฟิเชียลแฟนไซน์ไปเลย ซึ่งเราก็คิดว่าถ้าเราจัดออกมาแล้วแฟนๆจะโอเคไหม ถ้าทำการจัดการต่างๆหรือกิจกรรมต่างๆเราทำแบบเดียวกับที่ญี่ปุ่น มันจะโอเคกับไทยไหม มันจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างไหม จะออกมาดีแบบญี่ปุ่นไหม ก็แอบกดดันตัวเองเหมือนกัน”

ก็ต้องรอดูว่าเป็นแบบไหน แต่รูปแบบจะเหมือนกับที่จัดญี่ปุ่นใช่ไหม?

“ใช่ครับใช่”

เป็นครั้งแรกไหมที่ใช้คำว่าแฟนไซน์?

“ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนมีตติ้งหรือพบเจอแฟนๆ แต่แฟนไซน์จริงๆก็มีเมื่อนานมากมาแล้ว และไม่ใช่แฟนไซน์ที่เป็นออฟฟิเชียลของเราเอง เหมือนตอนนั้นจะเป็นแฟนไซน์ของนิยายที่เอามาทำแล้วเป็นซีรีส์เรา หรือโฟโต้บุ๊คเล่มก่อนๆที่มีโอกาสได้ทำขึ้นมาก็มันก็เป็นแฟนไซน์เหมือนกันแต่ไม่ได้ออฟฟิเชียลขนาดนี้”

รูปโฟโต้บุ๊คใช้เวลาเก็บรูปนานไหม?

“ถ่ายทำวันหรือสองวันเต็มๆนี่แหละครับ ด้วยความที่เริ่มถ่ายมาเกือบๆปลายปีที่แล้ว ใช้เวลาในการทำโปรดักชั่นต่างๆ เพราะว่าไม่ได้มีแค่โฟโต้บุ๊คอย่างเดียวและมีอื่นๆในนั้นอีก วัสดุในนั้นอีก และมี 2 เซตด้วยก็ต้องไปเลือกอีก และจังหวะในช่วงการปล่อย ก็เว้นช่วงจากการที่ถ่ายมาด้วย”

รูปแฟนๆไม่เคยเห็นใช่ไหม?

“เคยแอบเอาลงไอจีสตอรี่(ยิ้ม) คือบางเซตถ่ายเสร็จแล้วเราชอบ เรารู้ว่าโอกาสที่แฟนๆจะเห็นกันมันนานเป็นรูปแบบเล่ม เป็นโฟโต้บุ๊คเราเลยแอบถ่ายรูปลงสตอรี่บ้างหรือเอารูปที่ชัวร์ว่าทีมงานไม่น่าจะใช้ เอามาลงเองบ้างก็มี น่าจะมีคนเห็นบ้างแล้ว แต่ตัวเต็มๆที่เป็นออฟฟิเชียลยังไม่มีคนเห็นแน่นอนครับ วันที่ 24 มิถุนายนก็สามารถมาเจอกันได้ครับ ความพิเศษอื่นๆเลยเจอกันในงานครับ ส่วนความพิเศษหลักๆเลยคือคุณไม่ได้เจอสิงนานแล้ว(ยิ้ม)”

ส่วนแฟนๆจะเซอร์ไพร้ส์ไหมหรือใครจะเซอร์ไพร้ส์กันต้องรอดูใช่ไหม?

“แฟนๆจะเซอร์ไพร้ส์อะไรผมครับ(หัวเราะ)อืม ถ้าถามว่าคิดยังไง คือถ้าให้เดามันก็ใกล้ช่วงเดือนเกิดสิงอีกแล้วเหรอ ทำไมรู้สึกว่าวันเกิด(28 ก.ค.)ปีนี้มันมาไวจังเลย(ยิ้มหวาน)น่าจะใกล้วันเกิดสิงแล้ว ไม่รู้โชคดีหรือโชคไม่ดี ก็อีกแล้วที่ช่วงกลางเดือนเกิดสิงเนี่ยเป็นช่วงที่เริ่มเปิดกล้องซีรีส์ เราก็ไม่กล้ารับปากว่าเราจะมีแฟนมีตติ้งหรืออีเวนต์ต่างๆที่จะได้เจอแฟนคลับในช่วงนั้นหรือเปล่า และเป็นช่วงเปิดซีรีส์ 2 เรื่องเลย ก็ไม่แน่ใจว่าจะเจอแฟนคลับช่วงนั้นหรือเปล่า แต่เป็นไปได้ที่แฟนคลับอาจจะมีเซอร์ไพร้ส์อะไรล่วงหน้าหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจครับแต่ไม่ได้คิดไว้เหมือนกัน แต่ใครมีโฟโต้บุ๊คแล้ว ก็มาเจอกันวันที่ 24 มิถุนายนนี้แน่นอนครับ”

ถามถึงเรื่องของแฟนคลับบ้าง จริงๆมีแฟนๆติดตามและชอบและอยู่กันมาอย่างยาวนานมากรู้สึกยังไง?

“(หัวเราะ)จะมีแฟนๆหลายๆคนที่สิงรู้สึกว่าเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันไปแล้ว จะมีน้องที่เราเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆ เป็นน้องของพี่แฟนคลับคนหนึ่งซึ่งเขาตามผมมาตั้งแต่แรกๆที่สิงเข้าวงการเลย ผมยังน้องเขาได้อยู่เลย จนวันนี้น้องเขาโตจนจะสูงกว่าสิงอยู่แล้ว ก็มีความรู้สึกว่าเหมือนเห็นน้องเขาเป็นน้องตัวเองจริงๆไปแล้ว เพราะเห็นแต่แรกเลย บางทีคุณแม่ของเขาเข้ามาบอกสิงว่าช่วงนี้น้องดื้อมากเลยนะ (หัวเราะ) ผมก็จะแอบ…พอมีโอกาสเจอน้องก็จะแอบบ่นๆน้องว่าดื้ออะไรใส่แม่อีกแล้วเหรอ คือเรามองแฟนๆที่อยู่กับเรามานาน เหมือนเราเจอเพื่อน เจอครอบครัวเราคนหนึ่งไปแล้ว มันไม่ใช่แค่ 1-2 ปี แต่มันคือ 5-6 ปีตั้งแต่ที่สิงเริ่มเข้าวงการ นับรวมตั้งแต่ซีรีส์ยังไม่ออนก็น่าจะ 7 ปีได้แล้วครับ”

ถ้าถามถึงเสน่ห์อะไรที่คนหลงรักเรา สิงคิดว่ามันคืออะไร?

“น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ได้เจอแฟนคลับและมีโอกาสได้พูดคุยกัน สิงเป็นคนแบบชอบเถียงกับแฟนคลับ ภาพลักษณ์เราต่อคนอื่นอาจจะดูเป็นคนนิ่งๆ หรือว่าเป็นคนที่ดูสุภาพ เนี๊ยบๆ อ่อนน้อม มุมคนที่มองผ่านมา แต่แฟนคลับของสิง เขาจะรู้ดีว่าสิงเป็นคนค่อนข้างกวนและเป็นคนที่ชอบต่อปากต่อคำกับแฟนๆ(ยิ้ม)อย่างงานแฟนไซน์ที่จะเกิดขึ้นเนี่ย สิงจะชอบให้แฟนๆถามอะไรขึ้นมาก็ได้ถามขึ้นมาและสิงตอบกลับไป มันจะเป็นการโต้ตอบที่มันมีความกวนอยู่ในนั้น ขี้เล่นอยู่ในนั้น เหมือนพูดคุยกับเพื่อนมากกว่าอารมณ์เหมือนการเป็นกันเองครับ”

ถ้ามองแฟนๆเป็นสี สิงมองพวกเขาเป็นสีอะไร เพราะอะไร?

“จริงๆจะมีสีของกลุ่มแฟนคลับที่เขาจะใช้ประจำๆอยู่แล้ว เป็นสีออกชมพูๆหน่อย แต่เป็นชมพูเข้มนิดนึง พอเห็นจริงๆแล้วเป็นสีนีออน มันเป็นป้ายไฟ จะเรียกชมพูบานเย็นหรืออะไร แต่เราจะรู้เป็นสีประมาณนี้ แต่ถ้าถามสิงที่เรารู้สึกว่าแฟนคลับเราเป็นสีใดๆ สิงชอบให้แฟนๆเป็นสีคล้ายๆกันออกแดงๆ ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนสีชมพู แต่อาจจะเป็นสีสดขึ้นมาเป็นแดง เพราะว่ามีความสดใสอยู่นั้น มีความอิ่มของสี มีอะไรหลายๆที่เรารู้สึกว่ามันเด่นขึ้นมามันชัดขึ้นมา และเราโทนแดงโทนร้อน บางทีมองแล้วบางมุมมันมีความอบอุ่นอยู่ในนั้น และตัวสิงเองเป็นคนชอบสีขาวเทาดำ แต่ถ้าเป็นสีสดขึ้นมา แดงคือหนึ่งในสีที่สิงชอบมาก เมื่อก่อนสีแดงเป็นสีที่เวลาสิงแข่งกีฬา แล้วมีโอกาสได้อยู่สีแดง สิงจะชนะตลอด”

เป็นสายมูเหรอเปล่า?

“(หัวเราะ)ไม่ได้สายมูๆนะครับ เมื่อก่อนแข่งเทควันโด้จะมีมุมแดงและน้ำเงิน ถ้าสิงอยู่มุมแดงเราจะได้แชมป์ตลอด เมื่อก่อนนะ สิงไม่มูหรือเปล่า(ยิ้ม) แต่อยู่สีแดงจะชนะตลอด เหมือนสีแดงเป็นสีโชคดีครับ”

มาที่โหมดการแสดงบ้าง สองเรื่องที่รับเป็นอย่างไรบ้างคาแรกเตอร์ต่างกันขนาดไหน?

“ปีนี้ที่รับ 2 เรื่องครับ โชคไม่ค่อยดีอีกแล้วที่อีกเรื่องย้ายมาชนถ่ายช่วงเวลาเดียวกันเลย จันทร์ถึงเสาร์ มันมาแนบกันอีกแล้ว แต่เราเข้าใจได้ แต่ในเรื่องของโปรดักชั่นบางที เราเรียนเรื่องการทำโปรดักชั่น มาเรารู้อยู่แล้วมันใช้ความละเอียดอ่อนค่อนข้างสูง ถูกเลื่อนมาเราก็เข้าใจได้ นั่นแหละครับเป็นสองเรื่องที่เรื่องหนึ่งยังไม่เคาะคาแรกเตอร์แต่เรามีโอกาสได้ไปคุยคาแรกเตอร์มาแล้ว คร่าวๆก็ต่าง แค่อาชีพก็ต่างแล้ว เพราะสิงรู้เรื่องย่อของสองเรื่องแล้ว สองคือมันท้าทายความสามารถสิงพอสมควรอีกแล้ว เวิร์กช้อปก่อนแสดงมันมีทักษะอาชีพที่เราต้องไปเรียนรู้เพิ่มเติมเพราะไม่งั้นจะไม่เกิดความชำนาญ อย่างเรื่องก่อนๆเล่นเป็นเชฟก็ต้องไปเวิร์กช้อปการทำขนมเพื่อให้จับอุปกรณ์ให้คล่องมือ สองเรื่องนี้ก็เหมือนกันว่าเราจะจับอุปกรณ์ให้คนเชื่อได้ไหมว่าเราประกอบอาชีพนั้นจริงๆ แต่ยังไม่บอกครับ เรื่องแรกเป็นพระเอกและอีกเรื่องเป็นพระรองเพราะวางแผนจากเรื่องของปีที่แล้ว เรารับบทค่อนข้างหนัก เราอยากจะเพลาตัวเองนิดนึง แต่เลื่อนมาชนกันก็หนักอีกแล้ว ตอนนี้ก็เต็มลูบเลยครับ รอเคาะคาแรกเตอร์อีกทีครับ”

ฝากผลงานสักหน่อย?

“ฝากผลงานสองเรื่องด้วยนะครับ กำลังจะเริ่มเปิดกล้องแล้ว ถ้าไม่ปีนี้ก็ปีหน้าได้ดูครับ และก็มีเพลงที่ปล่อยออกไปแล้ว ทุกคนน่าจะได้ฟังแล้วเพลง “ไม่ดี…ก็ดี(เพราะมีเธอ)” ยังไงก็ฝากด้วยแล้วใครมีบัตรแฟนไซน์มาเจอกันนะครับ”

ยังไงก็อย่าลืมไปหาหนุ่มสิงโตกันด้วยนะคะตามงานต่างๆ ไปเป็นกำลังใจให้เขาและรักเขาไปนานๆนะ เพราะเขาน่ารักและตั้งใจทุกๆผลงานเพื่อพัฒนาตัวเองให้สมกับที่แฟนๆรักจริงๆ ปรบมือค่า


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”