ย้อนรอย… THE FLASH เดอะ แฟลช
ในปี 1940 นักเขียนและนักวาดการ์ตูนชื่อดัง “การ์ดเนอร์ ฟอกซ์” (Gardner Fox) และ “ฮาร์รี่ ไลม์เปอร์” Harry Lamper ได้สร้างสรรคผลงานหนังสือการ์ตูนเรื่อง THE FLASH หรือ “เดอะ แฟลช” ขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยเป็นเรื่องราวของ แจ็ค การ์ริค (Jack Garrick) นักศึกษาของมหาวิทยาลัยคีสโตน เมืองคีสโตนซิตี้ ทดลองสูตรน้ำยา “Hard Water” กลับเกิดอุบัติถูกควันของน้ำยาเล่นงานจนสลบไปหนึ่งอาทิตย์ “แจ็ค” เริ่มรู้สึกตัวขึ้นและพบว่าร่างกายของเขานั้นมีพลังเหนือมนุษย์ไปแล้วนั่นก็คือ “สปีดฟอร์ซ” (Speed Force) เขาจึงตัดชุดคอสตูมของตัวเองแล้วออกปราบเหล่าร้ายในนามของ “The Flash”

Beartai Buzz รีวิว The Flash

ต่อมาในปี 1956 โรเบิร์ต คาไนเออร์ (Robert Kanigher) กับ จอห์น บรูม (John Broome) และ คาร์ไมน์ อินฟานติโน (Carmine Infantino) นักเขียนและนักวาดการ์ตูนชื่อดัง ได้รวบรวมเอาเรื่องราวของ “The Flash” (1940) มาปรับเปลี่ยนใหม่พร้อมสังกัดสำนักพิมพ์ DC COMICS (ดีซี คอมิกส์) ใช้ตัวละครที่ชื่อ “แบร์รี อัลเลน” (Barry Allen) เป็นตัวเอก บอกเล่าเรื่องราวของหนุ่ม นักนิติวิทยาศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในแลปอาชญากรรม ณ สำนักงานตำรวจเมืองเซ็นทรัลซิตี้ เขาประสบอุบัติเหตุถูกสายฟ้าผ่า ร่างปลิวกระเด็นไปโดนสารเคมีในแลปหกอาบร่าง ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพลังจากห้วงมิติความเร็วที่เรียกว่า “สปีดฟอร์ซ” กลายเป็นเมต้าฮิวแมนที่มีความเร็วเหนือมนุษย์ อย่างไรก็ตามในปี 1961 เหล่านักเขียนและนักวาดการ์ตูนก็ได้จับ แจ๊คและแบรี่ ให้มาเจอกันจนได้ โดยเล่าถึงการสั่นสะเทือนของโมเลกุลที่พาดผ่านห้วงมิติเวลา จนพบว่ามีโลกคู่หรือ “มัลติเวิร์ส” อยู่ในเส้นเวลาต่าง ๆ

สำหรับพลัง Speed Force ของ THE FLASH จะแบ่งออกเป็นหลายประเภทได้แก่ Healing Speed Force ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายเมื่อ มีบาดแผลก็จะหายเร็วกว่าปกติ, Perceptions Speed Force ความสามารถในการรับรู้ระดับความเร็ว เพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง หรือกระทำการอย่างอื่น (ช่วงที่ผู้ชมเห็นเป็นภาพ สโลโมชั่น), Pass Speed Force ความสามารถในการใช้ความเร็วในการสั่นสะเทือนโมเลกุลร่างกายให้สามารถผ่านสิ่งกีดขวางไปได้ (ช่วงที่ผู้ชมเห็นเดินผ่านไปกับกำแพง), Superhuman Stamina Speed Force มีความอึดทนทานมากกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่าโดยเฉพาะความเหนื่อย

นอกจากนี้ THE FLASH ยังมีความสามารถอย่าง Electric Power Generation การสร้างกระแสไฟฟ้า (ชาร์จ) แล้วเล็งยิงใส่เป้าหมายอย่างรุนแรง รวมไปถึงพลังของความ “โคตรโกง” นั่นก็คือ Time Travel ท่องไปตามกาลเวลาต่าง ๆ (กรณีการย้อนเวลาไปหาอดีต หากไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ไปดูเฉย ๆ แล้วกลับมา ก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไรทั้งสิ้น แต่หากยังดื้อดึง ไปแตะต้องอะไรบางอย่าง รับประกันงานเข้าเต็ม ๆ แน่นอน)

เรื่องย่อ THE FLASH เดอะ แฟลช
หลังจากที่ชาวโลกรับรู้ว่าขณะนี้มีกลุ่ม Justice League คอยช่วยเหลือปราบปรามอาชญากรรมที่รับมือได้ยากรวมไปถึงเหล่า เอเลี่ยนต่างดาวนอกโลก โดยสมาชิกประกอบไปด้วย “แบทแมน” หรือ “บรูซ เวย์น” (รับบทโดย เบน แอฟเฟล็ก), “เดอะแฟลช” หรือ “แบร์รี อัลเลน” (รับบทโดย เอซรา มิลเลอร์), “วันเดอร์ วูแมน” หรือ องค์หญิง “ไดอาน่า” (รับบทโดย กัล กาด็อท), “ไซบอร์ก” หรือ “วิคเตอร์ สโตน” (รับบทโดย เรย์ ฟิชเชอร์), “อะควาแมน” หรือ “อาร์เธอร์ เคอร์รี่” (รับบทโดย เจสัน โมโมอา) และ ซูเปอร์แมน หรือ “คลาร์ก เคนต์” (รับบทโดย เฮนรี แควิลล์) พวกเขาแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนเพราะต้องคอยช่วยเหลือปกป้องหายนะจากเหตุอาชญากรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะ “แบทแมน” ที่จับมือกับ “เดอะแฟลช” ทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้ในแต่ละวัน

The Flash's Troubled Production and Ezra Miller Controversy Explained | Den  of Geek

แต่กระนั้นชีวิตของ “แบร์รี” ที่ต้องเสียสละเวลาอันมีค่าในชีวิต กลับไม่เคยพบเจอสิ่งดีเท่าที่ควร นั่นจึงทำให้เขาคิดถึงแม่บังเกิดเกล้า “นอรา อัลเลน” (รับบทโดย มาริเบล เบร์ดู) ซึ่งเธอที่ล่วงลับไปแล้วตั้งแต่เขายังเด็ก “แบร์รี” ตัดสันใจใช้พลังของตัวเองย้อนกลับไปช่วยชีวิตแม่ของเขาเอาไว้ แต่สิ่งที่ตามมานั้นกลับส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด เมื่อโลกที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ต้องเจอกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ “นายพลซ็อต” (รับบทโดย ไมเคิล แชนนอน) บุกมาทำลายล้าง เขาจึงต้องพึ่งพลังของตัวเขาเอง (“แบร์รี” ในโลกที่แม่ยังมีชีวิต) และ “แบทแมน” (รับบทโดย ไมเคิล คีตัน) ร่วมกันอออกตามหา “ซูเปอร์แมน” แต่สุดท้ายพวกเขากลับเจอสาวชาวดาวคริปตัล หรือ “ซูเปอร์เกิร์ล” (รับบทโดย ซาซ่า แคลล์) แทน เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร สามารถติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น…

The Flash' review: Michael Keaton and Ezra Miller can't save this DC  misfire | Mashable
Who Is the Villain in 'The Flash' Movie?

จุดแข็งของ THE FLASH เดอะ แฟลช
ต้องขอชื่นชม “แอนเดรส มัสเชียต” ผู้กำกับหนังสยองขวัญในตำนานอย่าง IT ที่ร้อยเรียงเรื่องราวขึ้นมาใหม่ จัดวางบทตัวละครให้เหมาะเจาะเพื่อเอาใจแฟนเซอร์วิสแบบสุด ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบหนังของค่าย DC พวกคุณจะได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เซอร์ไพรซ์แล้วเซอร์ไพรซ์อีก การปูพื้นเรื่องมีความแน่นและไม่ได้น่าเบื่อ ใส่มุกตลกรวมทั้ง Easter Egg จนแทบล้นทะลัก

สำหรับนักแสดงที่เล่นได้ดีงามที่สุดคงหนีไม่พ้น “เอซรา มิลเลอร์” ที่ถูกดึงให้กลับมาเล่นหนังเรื่องนี้ (แม้ว่าเขาจะมีคดีความอยู่ก็ตาม) โดย “เอซรา” ต้องแสดงถึง 2 บทบาท คือเล่นเป็นตัวเองในโลกปัจจุบัน และเล่นเป็นตัวเองในอีกโลกมัลติเวิร์ส ซึ่งจะมีลักษณะนิสัยที่เหมือนและต่างกันบางอย่าง ฉากเรียกน้ำตาดราม่าก็ยังทำออกมาได้ดีมาก ๆ ผู้ชมอินกันน้ำตาไหลแน่นอน ในส่วนของงานโปรดักส์ชั่นเรียกว่ามีการเนรมิตรสร้างฉากถ้ำค้างคาวได้แบบสมจริง ฉากแอ๊คชั่นต่อสู้ก็ไม่ได้ซัดกันอย่างเดียว มีลูกเล่นให้ได้ดูกันแบบไม่น่าเบื่อ

Beartai Buzz รีวิว The Flash
See The Classic Batmobile From The Flash, Up Close And In Detail

จุดอ่อนของ THE FLASH เดอะ แฟลช
ดูเหมือนจะมีปัญหาด้านงาน CGI ที่ทำออกมาไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะฉากโชว์ มัลติเวิร์สในโลกต่าง ๆ ปรากฏว่ามีตัวละครบางตัวดูลอยมาก เหมือนการ์ตูน สีสันดูไม่ค่อยสมจริงนัก อีกสิ่งหนึ่งที่น่าติติงมาก ๆ คือ บท “ซูเปอร์เกิร์ล” ดูแล้วยังแข็งไม่โอเคเลย แม้จะเข้าใจได้ว่า อยากให้ตัวละครโชว์พลังแบบ “…พูดน้อยต่อยหนัก…” แต่ดูแล้วช่วงแอ็คชั่นต่อสู้ก็ยังไม่สุดอยู่ดี เหมือนยังกั๊กๆ พลังกันไว้อยู่ น่าจะปรับแก้ให้ดีกว่านี้ได้

5/5 สำหรับภาพยนตร์แอ๊คชั่นฮีโร่ ความยาว 2 ชม. 24 นาที ครบเครื่องเรื่อง “แฟนเซอร์วิส” เซอร์ไพรซ์จัดเต็ม ดราม่าน้ำตาไหล ปล่อยมุกกันกระจาย แม้แอ๊คชั่นกับ CGI จะมีปัญหาไปบ้าง แต่ก็พอถูไถ ยังไงก็คุ้มค่าตั๋วแน่นอน

Who dies in The Flash? All deaths explained - Dexerto

———————————————–

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ Warner Bros. Thailand