ลุ้นว่ากลางเดือนนี้ กกต. ที่ 4 ปีจะทำงานใหญ่ซักครั้ง จะมีประสิทธิภาพพอประกาศรับรองผลเลือกตั้งใหญ่ได้หรือไม่ ล่าสุดทีดีอาร์ไอ น.ส.กิริฎา เภาวิจิตร ผอ.โครงการอีไอเอส ชี้ว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้ากว่าเดือนสิงหาคมและยืดไป 5-6 เดือน นักลงทุนจะไม่รอ และจะหนีไปที่อื่นหมด นอกจากที่เฝ้ารอดูนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลใหม่ เช่น ค่าแรง 450 บาท โปรโมชัน “รถอีวี” หรือนโยบายด้านพลังงาน เป็นต้น

ไม่ต่างจากที่มีโอกาสพบปะนักธุรกิจหลายคนเมื่อไม่นานนี้ ส่วนใหญ่ที่พูดคุยในโต๊ะกินข้าว อยากรู้การเมืองไทยจะไปทางไหน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ เป็นแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน จะเปลี่ยนขั้วรัฐบาลมั้ย…เป็นต้น

ที่พวกเค้า “ช็อก” คือนโยบายทลายธุรกิจผูกขาดของพรรคก้าวไกล ถึงขนาดผู้บริหารกองทุนแบงก์ใหญ่ วรวรรณ ธาราภูมิ โพสต์ว่า หากล้มเลิกทุกนโยบายของพรรคก้าวไกล ตลาดหุ้นจะเขียวทั้งกระดานทันที ช่างด้อยค่า 14.2 ล้านเสียงซะเหลือเกิน แม้เข้าใจได้ว่า สิ่งที่นักธุรกิจกลัว คือการเมืองไร้เสถียรภาพ การเมืองต้องนิ่งนักลงทุนไม่แคร์ จะปกครองด้วยเผด็จการทหารหรือประชาธิปไตย เสรีนิยมหรืออนุรักษนิยม ขอให้รัฐบาลเข้มแข็งปราบประชาชนอยู่หมัด ทำธุรกิจได้เป็นพอ

แต่นโยบายพรรคก้าวไกลทะลวงศูนย์กลางอำนาจและธุรกิจโดยตรง แม้ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน ก็ทำหวั่นไหวมาก

เวลานี้จึงไม่ใช่แค่นักธุรกิจที่รอคอย ประชาชนเองก็รอคอย อุตส่าห์เท 26-27 ล้านเสียง เลือก 8 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยท่วมท้น 312 เสียง หวังให้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 กลับมีพลังอำนาจลึกลับใช้ “ไสยศาสตร์ทางกฎหมาย” บดขยี้นายพิธาอย่างต่อเนื่องและเป็นขบวนการ หลังสุดช็อกเพราะแพ้ศึกเลือกตั้งยับเยิน

ขณะคดีถือหุ้นสื่อ “ไอทีวี” ยิ่งมาเห็นร่องรอยการ “จัดฉาก” เด่นชัดขึ้น นายทุนใหญ่จะอยู่เบื้องหลังจริงหรือไม่ ไม่กล้าคิด แต่การแก้บันทึกการประชุม และแบบนำส่งงบการเงิน จากปี 63-64 ที่ระบุ หมวดสินค้าและบริการว่า ปัจจุบันไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากติดคดีความ มาปี 65 กลับระบุว่า ทำสื่อโฆษณาและผลตอบแทนจากการลงทุน คลิปเสียงที่ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย มาเปิด ยืนยันว่า นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานในที่ประชุมไอทีวี และเป็นซีอีโอ “อินทัช” ด้วย ตอบคำถาม นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน (ที่ นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทย กทม.โอนหุ้นให้) คือ “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ต้องรอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน แต่บันทึกตัวหนังสือที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นต่อ กกต.บดขยี้ นายพิธา กลับเป็น ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ตามวัตถุประสงค์ และส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ

ย้อนประวัติ "iTV" ไอทีวี หลัง พิธา ถูกร้อง ขาดคุณสมบัติ ปมถือหุ้นสื่อ

ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ นี่คือสิ่งที่ นายพิธา บอกว่ามีความพยายามฟื้นคืนชีพหุ้นไอทีวีอย่างฉ้อฉล ผิดปกติ ทำให้ต้องสละสิทธิ์กองมรดก เพื่อไม่ให้มีปัญหา เมื่อ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่พ้นคมมีดบาด

แม้ล่าสุด กกต.ยกเลิก 3 คำร้อง คดีถือ “หุ้นสื่อไอทีวี” แล้ว แต่กลับเล่นงานด้วย คดี ม.151 รู้ว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังสมัคร ส.ส. โทษติดคุก 5 ปี ตัดสิทธิการเมือง 20 ปี แทน พร้อมยก 10 คดียุบพรรคก้าวไกล แต่ยังเหลืออีก 6 คดี โอ มายก็อด…

ประชาชนกำลังโกรธและรู้สึกว่า อำนาจอนุรักษ์-จารีต ใช้ทั้งไสยศาสตร์กฎหมาย และ 250 ส.ว.ลากตั้ง ล้อมกรอบไม่ให้นายพิธาเป็นนายกฯ และบีบให้เปลี่ยนขั้วรัฐบาลเข้าทำนอง หมาป่ากับลูกแกะเอ็งไม่ผิด พ่อเอ็งก็ผิด พ่อเอ็งไม่ผิด ปู่เอ็งก็ผิด…

สวนทางกับที่ประชาชนต้องการให้ประเทศเปลี่ยนแปลง หลังถอยหลังลงเหวมาเกือบทศวรรษ แม้ 14.2 ล้านเสียงที่ก้าวไกลได้ไป ยังไม่พอเป็นเสียงเด็ดขาด แต่หากรวม 8 พรรค ก็มากพอที่จะทำทุนผูกขาดลดลง มีเหล้าเสรี ค่าไฟไม่แพงโหด ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิก
เกณฑ์ทหาร ส่งทหารกลับกรมกอง เลิกปฏิวัติรัฐประหาร ร่วมใจแก้รัฐธรรมนูญอัปยศ เอาระบบยุติธรรมคืนมา

ทั้งหมด คือความหวังหลังเลือกตั้ง หากอำนาจอนุรักษ์-จารีต ไม่ยอมปล่อยมือ แต่พร้อมล้มกระดาน ไม่เคารพเสียงประชาชน ด้วยวิถีใดก็ตาม ครั้งนี้ อานนท์ นำพา ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก อดีตแกนนำม็อบสามนิ้ว ได้ออกมาเตือนแล้วว่า ประชาชนจะไม่ยอมแน่ พร้อม “เทหมดหน้าตัก” สู้เพื่อปกป้องเสียงสวรรค์ของพวกตน

นรกหรือสวรรค์รออยู่เบื้องหน้า อยู่ที่จะเลือกเอา…ปล่อยประเทศเดินหน้าเถอะนะ อย่าเหนี่ยวรั้งอีกเลย

——————————-
ดาวประกายพรึก