ญาติวีรชนพฤษภา 35 แถลงข่าวจะยื่นฟ้องศาล เอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณี ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การออก พ.ร.ก.เลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ พ.ศ. 2565 ขัดรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตามปกติ รัฐบาลต้องยุบสภาหรือลาออก เพื่อรับผิดชอบ เช่น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้เป็นนายกฯ รัฐบาลรักษาการ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังวินิจฉัยให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเก้าอี้เลขาฯ สมช. มาแล้ว

แต่ นายวิษณุ เครืองาม ออกมาชี้แนวแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นแค่รัฐบาลรักษาการ สมแล้วที่เป็นเนติบริกรมือทองของ “ลุง” จริง ๆ อย่างที่รู้ องค์กรอิสระล้วนทำอะไรมักจะ “เป็นคุณ” ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ แทบทั้งสิ้น จนเป็นสิ่งที่เนติบริกรเรียกด้วยความภาคภูมิใจว่า อภินิหารทางกฎหมาย มาล่าสุดนี่ล่ะ ที่กูรูการเมือง และมือกฎหมาย ไพศาล พืชมงคล ได้ลบล้างวาทกรรมนี้ เปลี่ยนให้ใหม่เป็น ไสยศาสตร์ทางกฎหมาย ทำเอาคำนี้ฮอตฮิตทันที เพราะพี่ช่างตั้งชื่อได้ตรงเป๊ะอะไรเช่นนี้

ส่องความเห็นคนโซเชียล หลังศาลสั่ง "ประยุทธ์" หยุดปฏิบัติหน้าที่

ไสยศาสตร์ย่อมตรงข้ามกับวิทยาศาสตร์ ที่ต้องมีกฎกติกาแน่ชัด มีทฤษฎีที่พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าจนถูกต้อง ไม่ใช่ทำตามใจกรู แต่ไสยศาสตร์เป็นเรื่องมนตร์ดำ คุณไสย เช่น เสกหนังควายเข้าท้อง เอาศพทารกมาทำกุมารทอง ส่วนใหญ่จึงมักทำในที่ลับ ๆ มืด ๆ

ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ยังไงก็ยังงั้น

เฉกเช่น การถือหุ้นสื่อ “ไอทีวี” ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 จากพรรคก้าวไกล ที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นคาไว้ที่ กกต. เหมือนจะเปิดทาง “ไสยศาสตร์ทางกฎหมาย” เดินเครื่องบดขยี้นายพิธาเป็นด่านแรก ก่อนที่จะจัดด่านสอง 250 ส.ว.ลากตั้ง รอเชือดซ้ำ หากด่านแรกไม่สำเร็จ

แต่ครั้งนี้อาจไม่ง่าย อดีตคนไอทีวีล้วนยืนยัน ไอทีวีถูกจอดำตั้งแต่ปี 2549 โดย คสช. (ก่อนหน้านั้นทักษิณถูกขอให้เข้าไปช่วยซื้อหุ้นจากแบงก์ไทยพาณิชย์) และถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้นในปี 2557 ที่ยังดำเนินกิจการอยู่ เพราะยังฟ้องร้องอยู่กับสำนักนายกฯ เด็กรุ่นใหม่ใครรู้จักไอทีวีบ้าง ที่มีกำไรก็เป็นการลงทุนในตราสารหนี้เท่านั้น

ขบวนการไสยศาสตร์พุ่งเป้าให้ซ้ำรอยกรณีการถือหุ้นสื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิการเมือง 10 ปี แต่คงลืมไปว่า หลังกรณีนายธนาธร ศาลรัฐธรรมนูญได้วางบรรทัดฐานใหม่ ให้การ “ถือหุ้น” สื่อ จะผิดต่อเมื่อ 1.ต้องถือในจำนวนมากพอที่จะมีอำนาจครอบงำให้เสนอข่าวเป็นประโยชน์แก่ตนได้ 2.ต้องมีการประกอบกิจการจริงเท่านั้น ทำให้ 30 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ต่อมาพลอยได้อานิสงส์รอดปากเหยี่ยวปากกามาแล้ว

ล่าสุด ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดก็ได้วางบรรทัดฐานเดียวกัน วินิจฉัยการถือหุ้นสื่อเอไอเอส 200 หุ้นของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ด้วยการถือหุ้น 2 หมื่นกว่าบาท (เมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นเป็นแสนล้าน) ย่อมไม่สามารถครอบงำได้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

หันมาดูการถือหุ้น “ไอทีวี” ของนายพิธา ซึ่งเป็นผู้จัดการกองมรดกของพ่อและมีหุ้นไอทีวี 4.2 หมื่นหุ้น เมื่อดูจากหุ้นไอทีวีทั้งหมด 800 กว่าล้านหุ้น 4 หมื่นหุ้น จะไปสั่งใครได้ ต่อให้ไอทีวียังทำสื่ออยู่ อย่าว่าตอนนี้จอดำสนิทไปแล้วเลย แถมตอนนี้นายพิธาก็สละมรดกส่วนนี้ไปเสียอีก ขบวนการไสยศาสตร์ จึงไม่รู้จะจัดการนายพิธายังไง

ก็ไม่แปลกที่ ส.ว.ลากตั้งหลายคน เริ่มเปลี่ยนเป้าใหม่ กล่าวหาหาก นายพิธา เป็นนายกฯ จะยอมให้อเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพในไทย ทำให้ไทยตกเป็นทาส อย่างที่ดาราสาวใหญ่เพ้อเจ้อออกมา ส.ว.บางคนไปไกลกว่านั้นมาก ถึงขนาดปลุกระดม อ้างคนรักสถาบันพร้อมเข้ากรุงเทพฯ แล้วไทยจะฆ่าไทย ซึ่งเป็นการไม่บังควรเลย คนเช่นนี้ยังลอยหน้าลอยตาเป็น ส.ว. ได้อย่างไร

คนไทย 26 ล้านเสียงตัดสินใจไปแล้ว สิ่งที่ ส.ว. และ กกต.ควรทำ คือ ให้เกียรติประชาชน และเคารพฉันทามติของประชาชน ต่างจากนี้คือ การจุดไฟในนาคร และครั้งนี้ระวังจะเอาไม่อยู่?!?

————————-
ดาวประกายพรึก