วันก่อนอ่านข่าวชิ้นหนึ่ง บอกว่านักลงทุน-ชาวเน็ตสับกันเละ! “เต็ง1” ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากพรรคก้าวไกล หลังจากได้ฟังมุมมองของเธอจากการถูกสัมภาษณ์ แล้วรู้สึกว่าไม่ถูกใจนโยบายเศรษฐกิจ และเป็นห่วงว่าฝีมือจะไม่ถึง!
บางคนคอมเมนต์ว่านี่ขนาดเต็ง 1 ของพรรคก้าวไกลแล้วนะ! แต่ตอบแบบไม่ตรงคำถาม ตอบแบบกำปั้นทุบดิน และข้อมูลบางอย่างก็ผิด
กระทรวงการคลังเป็นกระทรวงใหญ่ ถือเป็นกระเป๋าเงินของรัฐบาลที่มีบทบาทในการหว่านเม็ดเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ หลังจากคนไทยบอบช้ำจากปัญหาเศรษฐกิจมา 8-9 ปี “จีดีพี” โตรั้งท้ายในประเทศอาเซียน แต่หนี้สาธารณะ และหนี้ภาคครัวเรือนกลับปูด! มากกว่าใครเขา
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก! ที่นักลงทุน และประชาชนทั่วไปต่างจับจ้องมองศักยภาพของว่าที่ “ขุนคลัง” คนใหม่ ด้วยความคาดหวังว่าจะเข้าท่า เข้าทางหรือไม่? เพราะเก้าอี้ตัวนี้พรรคก้าวไกลต้องตีตราจอง ขอคุมเอง!
นอกจากว่าที่ “ขุนคลัง” ยังมีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ที่พรรคก้าวไกลจะยอมยกให้พรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกลจะเอาไว้เอง ถ้าเอาไว้เองแล้วจะให้ใครเป็น! อ่อนพรรษาทางการเมืองหรือไม่ และเก๋าเกม
หรือเปล่า?
เนื่องจากตำแหน่งที่ว่านี้เป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ ถือเป็น 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตยของประเทศ จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์และถือเป็นหน้าตาของประเทศด้วย ดังนั้นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ควรมีวัยวุฒิ มีคุณวุฒิเป็นที่ยอมรับของ ส.ส.พรรคการเมืองอื่น ๆ ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และจาก ส.ว.ด้วย
ตำแหน่งนี้ต้องเป็นประธานการประชุมของทุกฝ่าย ต้องวางตัวเป็นกลางในหน้าที่ แต่ถ้าพรรคไหนต้องการวางคนของตัวเองเข้าไปเป็นประธานสภา เพื่อผลักดันร่างกฎหมายสำคัญของพรรคตัวเอง ถือว่าเป็นการบิดเบือน และไม่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มแบไต๋ออกมา
ขนาด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยังบอกว่า “ตำแหน่งนี้จะหนุ่มจะแก่ไม่สำคัญ แต่ต้องมีประสบการณ์ ถ้าคนไม่มีประสบการณ์เป็นไม่ได้ เป็นส.ส.สมัยเดียวมันลำบาก เจ้าหน้าที่สภา เขาอยากให้ผมเป็นประธานสภา บอกจะได้จัดการ ส.ส.ได้ เพราะเห็นมีความเด็ดขาด แต่บอกเขาว่าผมเป็นไม่ได้ เพราะเพิ่งเป็น ส.ส.แค่สมัยเดียวเอง ประสบการณ์ยังไม่พอ ยังไม่เก๋าพอ แล้วมาเทียบกับ 2 คนของพรรคก้าวไกลก็เป็น ส.ส.หน้าใหม่ ส่วนนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จากพรรคเพื่อไทย เป็น ส.ส.มา 7 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรีแล้ว และเคยเป็นผู้นำฝ่ายค้าน คนไหนเก๋ากว่ากัน”
ดังนั้นวันนี้อย่าเพิ่งไปไกลเรื่องการจะเอามาตรา 112และผลักดันกรณีนิรโทษกรรม เข้าไปถกกันในสภา เนื่องจากทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวถือเป็นของร้อนระดับ 100 องศาเซลเซียส ร้อนจนทำให้ผู้คนหลายกลุ่มถึงจุดเดือด! จนรัฐบาลอาจจะพังครืนลงง่าย ๆ
แต่วันนี้ต้องพูดกันก่อนว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเปล่าจากกรณีการ
ถือหุ้นไอทีวี เนื่องจากนายพิธาต้องผ่านอีก 2 ด่าน คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และศาลรัฐธรรมนูญ แล้วถ้าผ่าน 2 ด่านนี้แล้ว จะจัดสรรใครในพรรคก้าวไกลมาเป็นประธานสภารวมทั้งรัฐมนตรีในกระทรวงต่าง ๆ
แค่ปล่อยชื่อ “เต็ง 1 ขุนคลัง” มาแค่กระทรวงเดียว แถมยังไม่มีตัวเปรียบเทียบจากพรรคอื่นเลย! แต่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปยังวิจารณ์กันขรม!
มาถึงเก้าอี้ประธานสภายังไม่รู้ว่าพรรคก้าวไกลจะดันใครเข้ามา แต่ถ้ามาเจอ “คู่เทียบ” อย่างนพ.ชลน่าน หรือว่านายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภา อาจจะมีเสียงปรามาสตามมาว่าคนของก้าวไกล “มือไม่ถึง” อีก!!.
