ทั้งนี้ ในขณะที่การ “รับมือเพื่อมิให้มีปัญหา” อันสืบเนื่องจากการเป็นสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ โดยฝ่ายต่าง ๆ ตั้งแต่ในส่วนครอบครัว ชุมชน หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงระดับนโยบายคือรัฐบาล วันนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิผลดังหวัง และเมื่อมองที่ “สังคมคนคลั่ง” กับการรับมือ…ยิ่งไปกันใหญ่!!

“คนคลั่งระบาด” นี่ “ในไทยรุนแรงขึ้น”

“เป็นอีกเรื่องร้าย” ที่ “มีการชี้เตือนแล้ว”

และมาถึงตอนนี้ก็ “ต้องเตือนเน้นย้ำ!!!”

ทั้งนี้ กับการ “เตือน” เพื่อให้สังคมไทย “ต้องตระหนัก” เกี่ยวกับเหตุ “คนคลั่งเกลื่อน” และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ต้องระวัง!!” กรณี “คลั่งฆ่าดะ!!” นั้น ทั้งผู้สันทัดกรณีด้านอาชญวิทยา และผู้สันทัดกรณีด้านจิตวิทยา ต่างก็ได้เคยประสานเสียงเตือน โดยทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ก็ได้เคยสะท้อนไว้ อาทิ… ในปี 2560 ที่ในสังคมไทยเริ่มมีสถานการณ์น่ากังวลใจลักษณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากนั้นก็ในปี 2563 ที่เกิดเหตุ “คลั่งฆ่าดะ!!” ขึ้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนเจ็บคนตายรวมแล้วค่อนร้อย!! และต่อมาอีกไม่นาน ที่ จ.หนองบัวลำภู ก็มีเหตุคลั่งฆ่า ที่ “ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ตายเกลื่อน!!” ซึ่งก็ทำให้ “คนไทย-สังคมไทยรู้สึกช็อกกันมาก” จนมีการ “ออกมาตรการเพื่อล้อมคอก” …แต่ได้ผล?-ไม่ได้ผล?…ก็ไม่รู้สินะ??

อย่างไรก็ตาม กับมุมมองเกี่ยวกับเหตุร้ายกรณี “คลั่ง!!” นี้ ในภาพรวม ๆ ไม่เฉพาะเจาะจงที่เคสใด ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ก็ขอสะท้อนเน้นย้ำไว้อีกครั้ง ซึ่งหากจะมองในทางจิตวิทยา ก็เคยมีนักจิตวิทยาผู้สันทัดกรณีให้ข้อมูลแจกแจงไว้ โดยสังเขปนั้นมีว่า… ถ้าเหตุการณ์เลวร้ายในลักษณะนี้เกิดขึ้นเพราะผู้กระทำมีปัญหาสุขภาพจิต ก็อาจจะเป็นแบบที่เรียกว่า “บุคลิกภาพ 2 แบบ” ที่ในทางจิตวิทยาเรียกว่า “ไบโพลาร์” ซึ่งเป็น “ความผิดปกติของอารมณ์” เพราะการทำงานที่ผิดปกติของระบบสมองเพราะมีสารสื่อนำประสาทที่ไม่สมดุล ซึ่งมีลักษณะสำคัญคือ…อาการผิดปกติจะเป็นได้ 2 บุคลิก 2 แบบ…

มีทั้ง “ซึมเศร้า” และ “อารมณ์ดีผิดปกติ”

แต่ทั้ง 2 แบบนี้ก็…“ล้วนเป็นอันตราย!!”

สำหรับความผิดปกติของอารมณ์แบบ “อารมณ์ดีผิดปกติ” นั้น…แบบนี้ก็จะทำให้เกิดการ คิด หรือรู้สึกอย่างผิดปกติ ยกตัวอย่างเช่น… คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ จนมีความเชื่อที่เป็นการหลงผิด และถึงจะอารมณ์ดีผิดปกติ กับบางคนก็อาจจะ “มีอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรงมาก” ได้ ส่วนถ้าเป็นแบบ “ซึมเศร้า” ก็จะทำให้เกิดการ คิดแต่เรื่องร้าย ซึ่งกับบางคนก็อาจจะนำไปสู่การ “ฆ่าตัวตาย” และกับบางคน…การรู้สึกเบื่อชีวิต หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย ก็อาจจะนำไปสู่การ “ฆ่าผู้อื่น” ได้!! …ซึ่งเมื่อในไทยเกิดเหตุ “คลั่งฆ่าดะ!!” อย่างน่าตกใจ จากกรณีเช่นนี้ทั้งผู้สันทัดกรณีด้านจิตวิทยา และอาชญวิทยา ก็เตือนไว้…

“ต้องระวัง” กรณี “คลั่งลอกเลียนแบบ

นี่เป็น “พฤติกรรมน่าเป็นห่วงในยุคนี้!!”

และโฟกัสที่ประเด็นที่อาจจะเป็น “จุดเปิดสวิตช์ทำให้เรื่องเลวร้ายกรณีคลั่งหรือคลั่งฆ่าดะเกิดขึ้น” ประเด็นนี้ทางผู้สันทัดกรณีก็เคยชี้ไว้ว่า… ก็อาจจะเป็นไปได้จากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะ… จากปัญหาสุขภาพจิต เพราะหลงผิด หรือเพราะรัก-โลภ-โกรธ-หลง เพราะน้อยใจ เพราะแค้น และรวมถึงเพราะพิษยาเสพติด …เหล่านี้ล้วนเป็นจุดที่ “เปิดสวิตช์คลั่ง” ได้ทั้งนั้น แม้แต่กับคนที่ปกติแล้วเคยเป็นคนที่ดูสุภาพเรียบร้อย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่เสริมให้สถานการณ์ดำเนินถึงจุดเปิดสวิตช์ก็คือ “เหตุแวดล้อมที่เร้าหรือกระตุ้น” จนทำให้เกิดการ “ก่อเหตุที่เลวร้าย” ขึ้น โดยที่เหตุแวดล้อมต่าง ๆ ที่อาจจะเร้าหรือกระตุ้น ที่ก็ถือว่าเป็นตัวการสำคัญนั้น “ในสังคมไทยยุคนี้นับวันก็จะยิ่งมีมาก” โดยเฉพาะในสังคมเมือง-เมืองใหญ่

อีกทั้งในปัจจุบันที่เป็นยุค “โซเชียลมีเดีย” สังคมออนไลน์เปิดกว้างแพร่หลาย กรณีนี้นี่ก็อาจเป็น “ปัจจัยเปิดสวิตช์คลั่ง-คลั่งฆ่าดะ ได้เช่นกัน!! โดยกรณีโซเชียลมีเดียกลายเป็นแรงผลักดัน กลายเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้มีใครทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ กรณีโซเชียลมีเดียกลายเป็นแรงกระตุ้นทำให้เกิดการทำเรื่องร้าย ๆ กับตนเองและคนอื่นนั้น กรณีนี้ก็เกิดในไทยอยู่บ่อย ๆ

ทั้งนี้ กับเหตุการณ์ “ช็อกสังคมไทย!!” เหตุการณ์ “คลั่ง!!” ที่เพิ่งเกิดขึ้นอีกในบางพื้นที่ในเมืองไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ อะไรคือสิ่งที่เป็นตัวเปิดสวิตช์ผู้ก่อเหตุ?? ผู้ก่อเหตุมีประเด็นปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่??-อย่างไร?? หรือว่าเป็นเพราะพิษสิ่งมึนเมา??-พิษสิ่งเสพติด?? สังคมไทยก็คงจะได้รับทราบข้อมูลจากรายงานข่าวกันแล้วระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม ไม่เฉพาะเจาะจงที่เคสใด ก็มีประเด็นที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ขอสะท้อนเน้นย้ำข้อมูลที่ทางผู้สันทัดกรณีระบุไว้ นั่นก็คือ…     

“เรื่องร้ายแบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดโดยคนวัยใด เพศใด อาชีพใด ไม่ว่าจะเกิดโดยปัจจัยใด ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้คนในสังคมไทยควรจะได้พินิจพิจารณา ควรจะได้ศึกษาเรียนรู้ ควรจะได้ตระหนัก” …นี่ก็เป็นการระบุในเชิง “เตือน”

“สังคมคนคลั่ง”…ก็ “น่าห่วงเต็มรูปแบบ”

“คนไทย”…ถึงวันนี้ “แทบจะช็อกจนชิน”

แต่ถึง “ชิน” ยังไง “ก็ต้องตระหนัก-ระวัง” “หวังนักการเมืองแก้” ล่ะก็ “หวังยาก??”.