ภาพยนตร์เรื่อง “The Tank ท่อสยองพันธุ์ขย้ำ” มีเค้าโครงเรื่องมาจากจิตนาการของ “สก๊อต วอล์กเกอร์” ผู้กำกับชื่อดัง ซึ่งในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักถึงขนาดล็อกดาวน์ปิดประเทศ ส่งผลให้เขาต้องติดอยู่ใน “นิวซีแลนด์” จังหวะนั้น “สก๊อต” ไปเจอบ้านริมหาดที่มีแท็งก์น้ำใต้ดินเอาไว้เก็บน้ำจืด ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบห่างไกลผู้คน ทำให้เขาเกิดจิตนาการ รวมทั้งแรงบันดาลใจในการสร้างหนังสยองขวัญเรื่องนี้ขึ้นมา
The Tank มีนักแสดงนำหลัก ได้แก่ แมตต์ วีแลน รับ “เบน” เจ้าของร้านขายสัตว์เลี้ยง, ลูเซียน บูแคนัน รับบท “จูลส์” ภรรยาสุดที่รักของเบน, จายา บีช-โรเบิร์ตสัน รับบท “โจดี้” ลูกสาววัย 10 ขวบ ผู้ชื่นชอบสัตว์และธรรมชาติ ส่วนบุคคลที่จะมารับบท The Creature (อสูรกาย) ได้แก่ “เรจิน่า เฮกมาน” นักกายกรรมในคณะละครสัตว์ เธอต้องสวมชุดอสูรกายตลอดการถ่ายทำ งานสร้างหนังเรื่องนี้ไม่ธรรมดา เพราะเขาได้ทีมออกแบบ Makeup และ Costume ผู้ชนะรางวัลออสการ์ 5 สมัย “ริชาร์ด เทย์เลอร์” จากเรื่อง The Lord of the Rings และ King Kong เนรมิตให้ “เรจิน่า” กลายเป็นอสูรกายสุดสยอง
เรื่องย่อ The Tank ท่อสยองพันธุ์ขย้ำ
จู่ ๆ เจ้าของร้านขายสัตว์เลี้ยง “เบน” ก็โชคดีราวกับถูกหวยรางวัลใหญ่ เมื่อทนายความแจ้งมาว่า คุณได้รับมรดกเป็นบ้านและที่ดินริมหาด “ออริกอน” เหมาะสำหรับการทำเป็นบ้านพักตากอากาศ ทั้งหมดไม่รอช้า รีบไปสำรวจบ้านหลังนั้นทันที “เบน” กับภรรยาต่างรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับบ้านเก่า ๆ เพราะมันต้องซ่อมแซมสิ่งของที่ผุพัง รวมไปถึงระบบน้ำ-ไฟ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนสนใจจะซื้อบ้านหลังนี้อยู่ดี อีกทั้งยังให้ราคาสูงลิ่ว แน่นอนว่าพวกเขาพร้อมจะขายแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
ระหว่างที่สำรวจบ้าน “จูลส์” ภรรยาสุดที่รักของ “เบน” ก็รับรู้ได้ว่า มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ใต้ตัวบ้าน เช่นเดียวกับ “โจดี้” ลูกสาววัย 10 ขวบ ที่มักจะได้ยินเสียงเจ้าตัวประหลาดอยู่เป็นประจำ ความจริงแล้วใต้บ้านหลังนี้มีแท็งก์เก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับถ้ำใต้ดิน โดยที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าในนี้เต็มไปด้วย “อสูรกาย” ที่ไร้ดวงตาและจมูก พวกมันหายใจทางผิวหนัง เคลื่อนไหวคล้ายตัว “ซาลาแมนเดอร์” ที่แน่ ๆ มันรับรู้แล้วว่า…มีเหยื่อมาอาศัยอยู่ที่บ้าน “เบน” และครอบครัวจะเอาชีวิตรอดไปจาก “อสูรกาย” เหล่านี้ได้หรือไม่ ติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
จุดแข็งของ The Tank
เป็นหนังต้นทุนน้อย แต่ใช้สอยบรรยากาศธรรมชาติได้เต็มพิกัด โลเคชั่นสถานที่ดูห่างไกลผู้คน ป่าที่เต็มไปด้วยสนเขาดูยังไงก็น่ากลัว ฉากในน้ำที่มืดมิด มีเพียงไฟส่องสว่างจากนักแสดง สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับบรรยากาศของฉากนั้นได้สบาย ๆ สำหรับธีมของสัตว์ประหลาดอย่างเจ้า The Creature อันนี้บอกเลยว่า ดูแล้วเหมือนหนังเก่า ประมาณ เอเลี่ยน หรือ เดอะ เพรดเดเทอร์ ซึ่งมีความคลาสิคแปลกตา
การใส่ชุดอสูรกายทำให้การเคลื่อนไหวมีความเป็นธรรมชาติ ยิ่งใส่ซาว์นเสียงลักษณะคำรามสลับกับความเงียบ ก่อนจะโผล่ออกมาแบบฉาบฉวย ล้วนเป็นเทคนิคเดียวกับหนังเก่า ที่พยายามตรึงอารมณ์ของผู้ชมให้ลุ้นว่าจะโผล่มาเวลาไหนกันแน่ สิ่งสุดท้ายที่ต้องชมก็คือ การจัดการเรื่องคอสตูม เสื้อผ้า หน้าผมตัวละคร รถยนต์ที่ใช้ ดูยังไงก็วินเทจ 100% ถือเป็นการเล่าเรื่องย้อนยุคให้ดูน่าสนใจและสมจริง
จุดอ่อนของ The Tank
การดำเนินเรื่องที่ยืดยาวและปูเรื่องไม่แน่น ทำให้หลายสิ่งอย่างดูราบเรียบเกินไป ไม่มีกิมมิคมาเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมหรือปรับอารมณ์ผ่อนคลายเลย และด้วยความราบเรียบเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้ชมต้องใช้สมาธิในการชมภาพยนตร์หนักกว่าเก่า ฉายไปครึ่งชั่วโมงหากยังรู้สึกไม่อินหรือง่วงนอน แนะนำให้ออกไปซื้อป๊อปคอร์นมานั่งเคี้ยวเล่นในโรงก่อน ส่วนคนที่เมามุมกล้องแบบเหวี่ยงไปมา อันนี้แนะนำให้หลับตาไปเลย ความจริงแล้วการเล่นมุมกล้องแนวเหวี่ยง เป็นการถ่ายทำหนังแบบฉบับเดิม ๆ ผู้สร้างหนังจะเน้นใส่เสียงให้ระทึกขวัญ เพื่อให้เกิดความหวาดกลัว
2/5 กะโหลก The Tank เป็นหนังสยองขวัญที่ท้าทายผู้ชมโดยเฉพาะ คนที่มีสมาธิในการชมภาพยนตร์อย่างจริงจังตั้งใจ เตือนเลยว่าคนทานข้าวอิ่ม ๆ แล้วดูเรื่องนี้ เจอแอร์เย็น ๆ ตัวละคนคุยกันไปมาไม่จบ มีหลับคาเบาะแน่ แต่ในส่วนของความระทึกขวัญ อาจเหมาะมากสำหรับ “คู่รัก” ที่อยากจะดูหนังสยองขวัญ (แบบไม่ต้องตั้งใจดูก็ได้) มีฉาก “จัมพ์สแกร์” ประปรายให้สะดุ้งซบไหล่กันไปมา แต่อย่าไปรบกวนเบาะข้าง ๆ ที่หลับหัวชนกันอยู่ก็พอครับ
สำหรับคนที่เป็นคอหนังสยองขวัญจริง ๆ แนะนำให้ไปดูกันครับ เป็นงานเดิม ๆ อีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ แต่หากดูแล้วมันติดอยู่ในหัวว่า “อิหยังวะ..แบบนี้ก็ได้หรือ?” ขอแนะนำให้ดูแบบ “เล่นเกมจับผิด” ครับ มีหลายฉากที่คุณสามารถนำไปเมาท์กับเพื่อนที่ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว…
——————————————–
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ M-PICTURE
