“น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ” ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. ระบุว่า ผลสำรวจอัตราการสูบบุหรี่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด ปี 2564 พบว่า ในภาพรวมอัตราการสูบบุหรี่ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ลดลงตามลำดับ แต่กลุ่มวัยทำงาน สูบบุหรี่ถึง 21% ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่ากลุ่มอื่น
จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ ร่วมกับองค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขไทย ปี 2564 พบว่า แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่มากกว่า 80,000 คน คิดเป็น 18% ของการเสียชีวิตทั้งหมด ในจำนวนนี้ เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองกว่า 6,000 คน คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 352,000 ล้านบาทต่อปี เทียบเท่า 2.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ ให้คำแนะนำว่า การควบคุมยาสูบของไทยให้มีประสิทธิภาพ ต้องใช้เงินลงทุน 2,500 ล้านบาทต่อปี (น้อยกว่า 1% ของความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการสูบบุหรี่) ภายใน 15 ปี จะช่วยลดคนเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 35,790 คน และลดคนป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อ 169,117 คน หรือทุก 1 บาท ที่ลงทุนจะได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเงิน 2.53 บาท
“สสส. สนับสนุนภาคีเครือข่าย อย่างสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดำเนินงานพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ตั้งแต่ปี 2551 ปัจจุบันมีสถานประกอบการปลอดบุหรี่มากกว่า 4,000 แห่ง มีการบูรณาการการทำงานในประเด็นสร้างเสริมสุขภาพอื่นๆ อาทิ Happy Workplace และการพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ไปยังสายเลิกบุหรี่ 1600 ช่วยเหลือให้เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ ทำให้กลุ่มวัยทำงานมีสุขภาพที่ดีขึ้น เจ็บป่วยน้อยลง สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นำมาสู่ผลประกอบการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของสถานประกอบการ”
ปัจจุบันมีสถานประกอบการปลอดบุหรี่ต้นแบบมากกว่า 400 แห่ง จากที่เข้าร่วมโครงการกว่า 4,000 แห่ง ในปีนี้มีสถานประกอบการที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ 73 แห่ง มีการจัดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ปลอดควันบุหรี่ ช่วยพนักงานให้สามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ และป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ในสถานประกอบการอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำคู่มือ ชุดความรู้ และเครื่องมือต่างๆ จากบทเรียนและองค์ความรู้จากการดำเนินงานป้องกันและควบคุมการสูบบุหรี่ของแรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจ นำไปใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนแรงงานสุขภาพปลอดบุหรี่ และพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ต่อไป
“จากความสำเร็จตรงนี้ ทางเราจึงได้ได้มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้สถานประกอบการทั้ง 73 แห่ง แบ่งเป็น ระดับดีเด่น 15 แห่ง ระดับก้าวหน้า 23 แห่ง และระดับพื้นฐาน 35 แห่ง”.
อภิวรรณ เสาเวียง