เมื่อพูดถึง “โรคความดันสูง” เชื่อว่าหลายๆ คน คงจะมีอาการป่วยดังกล่าว หรือมีคนรอบตัว มีภาวะการป่วยด้วยโรคนี้กันอยู่ไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังเป็นสาเหตุเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งเมื่อเราไปย้อนดูข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) จะพบว่า ในกลุ่มประชากรอายุ 30-79 ปี มีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเกือบ 1.3 พันล้านคน และมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่สามารถตรวจวินิจฉัยได้
ซึ่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ยังถือได้ว่าเป็น “วันความดันโลหิตสูงโลก” (World Hypertension Day) โดยสมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก ได้กำหนดวันดังกล่าวขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์อัมพาต
โดย นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ได้เผยผ่าน “Healthy Clean” ว่า โรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบ หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการวินิจฉัย และการรักษาอย่างเหมาะสม จะส่งผลต่อหลอดเลือดแดงที่หัวใจ, ไต, ตา, และสมอง ทำให้เกิดภาวะหัวใจโต ไตวาย อัมพาต และเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้
โดยโรคความดันโลหิตสูง ส่วนมากมักจะไม่มีอาการแสดง จนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดแดง เช่น หลอดเลือดสมองตีบ หรือ หลอดเลือดสมองแตก ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงสามารถวินิจฉัยได้ง่าย เพียงใช้การวัดความดันโลหิตอย่างถูกวิธี ดังนั้น จึงควรหมั่นตรวจวัดความดันโลหิตด้วยตนเอง หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านอยู่เสมอ หากท่านเป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์ และรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
นายแพทย์เคย์ เผ่าภูรี หน่วยโรคหัวใจ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวิธีการวัดความดันด้วยตนเองที่บ้านนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ดังขั้นตอนต่อไปนี้
1.) ไม่ดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ หรือออกกำลังกายก่อนทำการวัด 30 นาที
2.) ก่อนทำการวัดควรถ่ายปัสสาวะให้เรียบร้อย
3.) นั่งเก้าอี้โดยให้หลังพิงพนัก เพื่อไม่ให้หลังเกร็งเท้าทั้ง 2 ข้าง วางราบกับพื้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายเป็นเวลา 5 นาที ก่อนวัดความดันโลหิต
4.) วัดความดันโลหิตในแขนข้างที่ไม่ถนัด หรือข้างที่มีความดันโลหิตสูงกว่า โดยวางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกันกับหัวใจ
5.) ขณะวัดความดันโลหิตไม่กำมือ ไม่พูดคุยหรือขยับตัว โดยความดันโลหิตที่เหมาะสมของคนอายุ 18 ปี ขึ้นไป สำหรับตัวบน อยู่ที่ 120-129 มิลลิเมตรปรอท และสำหรับตัวล่าง อยู่ที่ 80-84 มิลลิเมตรปรอท
และหากทราบว่าตนเองเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัย ตรวจภาวะหัวใจโต ตรวจภาวะไตเสื่อม และตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะ รวมถึงตรวจหาโรคร่วมที่มาพร้อมกับความดันโลหิตสูง เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด รสเค็มจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียดจนเกินไป..
………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”