ถ้าจะถามว่าพื้นที่บ้างใดที่มีเรื่องราวแห่งความลึกลับ แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอาถรรพ์แห่งท้องทะเลมากที่สุดในโลก หนึ่งในคำตอบนั้นจะต้องเป็นพื้นที่บริเวณที่เรียกว่า ‘สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา’ อย่างไม่ต้องสงสัย 

แต่มาวันนี้ นักวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลียท่านหนึ่งออกมาฟันธงว่า ไม่มีทั้งความลึกลับและอาถรรพ์ใด ๆ เกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้นเลยแม้แต่น้อย

ตำแหน่งของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น ได้รับการประเมินไว้คร่าว ๆ โดยโยงเส้นสมมติจากจุด 3 จุดคือ เกาะเบอร์มิวดา, จุดปลายสุดของรัฐฟลอริดา และชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของประเทศเปอร์โตริโก

ในพื้นที่ประมาณ 1.14 ล้านตารางกิโลเมตรแห่งนี้ มีเรือและเครื่องบินหายสาบสูญอย่างผิดปกติไปเป็นจำนวนมาก นับแค่ในศตวรรษที่ผ่านมาก็มีเรือหายไปมากกว่า 50 ลำ และเครื่องบินหายไปราว 20 ลำ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นตอแห่งเรื่องราวและความลึกลับ สร้างความเชื่อว่าพื้นที่แห่งนี้ “มีอาถรรพ์”

คาร์ล ครูสเซลนิกกิ นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลีย และองค์การบริหารมหาสมุทร์และชั้นบรรยากาศแห่งสหรัฐ (NOAA) กลับมีความเห็นว่าการหายสาบสูญของเรือและเครื่องบินเหล่านั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความเป็นพื้นที่อาถรรพ์เลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่มีความเห็นว่าการหายไปของเรือและเครื่องบินในอดีตล้วนเป็นเรื่องของความน่าจะเป็นหลายประการเท่านั้น

NOAA เคยเขียนรายงานไว้ตั้งแต่ปี 2553 โดยอธิบายว่า ไม่เคยมีหลักฐานใน ๆ ที่บ่งชี้ว่าการหายสาบสูญอย่างลึกลับในพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น เกิดขึ้นบ่อยกว่าในพื้นที่ของมหาสมุทรส่วนอื่น ๆ ที่มีการเดินทางผ่านอย่างชุกชุม 

ครูสเซลนิกกิ เองก็พยายามชี้แจงแบบเดียวกันมาตั้งแต่ปี 2560 เขาเคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าว ดิ อินดีเพนเดนท์ ว่า หากจะเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว จำนวนของเรือและเครื่องบินที่หายไปในพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น มีมากพอ ๆ กันกับจำนวนเรือและเครื่องบินที่หายไปในพื้นที่อื่น ๆ ของโลก

NOAA มีความเห็นว่า ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมสามารถใช้อธิบายการสูญหายของยานพาหนะในพื้นที่ “อาถรรพ์” นี้ โดยพูดถึงกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมมีแนวโน้มที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงตามสภาพอากาศ จำนวนเกาะต่าง ๆ ในทะเลแคริบเบียนที่มีอยู่มากมาย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการนำร่องหรือหาทิศทางที่ถูกต้อง รวมถึงหลักฐานที่บ่งชี้ว่าพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีปัจจัยทางธรรมชาติบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อเข็มทิศนำทาง  ทำให้การหาตำแหน่งผิดพลาดและหลงทางได้

NOAA ยังชี้แจงว่า ทั้งกองทัพนาวีสหรัฐและหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งสหรัฐยืนยันว่าไม่มีเรื่องของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับการหายสาบสูญของเรือและเครื่องบินต่าง ๆ ในพื้นที่ทะเลแห่งนั้น จากประสบการณ์ของหน่วยงานทั้งสอง ทำให้ได้ข้อสันนิษฐานว่า การหายสาบสูญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างลึกลับนั้น เกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติหรือภัยธรรมชาติและความผิดพลาดของมนุษย์รวมกัน

ครูสเซลนิกกิ ยืนยันแนวคิดเดียวกันนี้มาตั้งแต่ปี 2560 และจนถึงทุกวันนี้ เขาก็ยังยืนยันแนวคิดเดิม เพราะ “ตัวเลขไม่โกหก” 

แม้กระทั่งการหายสาบสูญที่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตระดับชาติและโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้อย่างเช่นกรณีของฝูงบินที่ 19 ของกองทัพสหรัฐ ซึ่งเป็นฝูงบินทิ้งระเบิด ได้หายสาบสูญไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2488 นั้น ครูสเซลนิกกิ ก็ชี้ว่าอาจเป็นสภาพอากาศที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน รวมถึงเป็นไปได้ว่าเกิดความผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ เหล่านี้ตัวการที่แท้จริงที่ทำให้ฝูงบินทั้ง 5 ลำ หายสาบสูญไปในท้องทะเล

ไม่เกี่ยวกับความเป็นพื้นที่อาถรรพ์ ไม่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว หรือความลึกลับใด ๆ แห่งท้องทะเลเลยแม้แต่น้อย 

แหล่งข้อมูล : popularmechanics.com

เครดิตภาพ : Pixabay / MV Studio MV