เห็นข่าวฝนตกหนัก น้ำท่วมภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ เมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วรู้สึกหดหู่ใจกับพี่น้องชาวสมุทรปราการ เพราะนอกจากจะเจอปัญหาโควิด-19 ระบาดหนัก ยังเจอปัญหาไฟไหม้โรงงานสารเคมีย่านถนนกิ่งแก้ว เมื่อเช้ามืดวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จนต้องอพยพหนีภัยกันวุ่นวายไปหมด
หลังเกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทำฝนหลวงช่วยดับไฟ แต่พอเจอการท้วงติงและเสียงโห่ฮาว่าถ้ามีฝนตกลงมา ยิ่งทำให้สารเคมีฟุ้งกระจาย พล.อ. ประยุทธ์จึงกลับลำยกเลิกคำสั่ง
ตามมาด้วยเหตุการณ์น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำเอาบริเวณนิคมฯบางปูกลายเป็นทะเล รถยนต์จมน้ำหลายสิบคัน ต้องเสียเงินซ่อมให้กลับคืนสภาพเดิมคงยาก สภาพความเป็นอยู่ของคนย่านนั้นเดือดร้อนกันไปหมด
ดังนั้นจึงได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้ฝนตกหนักและน้ำท่วมพื้นที่ 42 จังหวัด ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพราะแค่ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และโควิด-19 ระบาด ชาวบ้านลำบากเดือดร้อนกันเลือดตาแทบกระเด็นอยู่แล้ว
แค่ปัญหาโควิด-19 รัฐบาลยังแก้ไม่ตก! เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อเกินวันละ 15,000 คน เสียชีวิตวันละกว่า 200 ศพ แม้จะเป็นตัวเลขลดลงมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าลดลงเฉพาะช่วงที่กำลังถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข อยู่หรือไม่?
ไม่ต้องพูดถึงวัคซีน ยังมาแบบกะปริดกะปรอย คนไทยยังไม่ได้ฉีดวัคซีนกันอีกมาก ส่วนใครที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มไปแล้ว ก็อยากฉีดวัคซีนทางเลือกเป็นเข็มที่ 3 เพื่อความชัวร์กันทั้งนั้น
การบริหารจัดการโควิดยังไม่เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ ถ้าเกิดน้ำท่วมซ้ำในหลายจังหวัด ชาวบ้านจะพึ่งใคร!
เท่าที่ดูการคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุฯ ช่วงวันที่ 1-7 ก.ย.นี้ ทุกภาคของประเทศยังมีฝนตกหนัก 60-80% ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมหลายวัน จึงเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก
พูดถึงเรื่องภัยแล้งและน้ำท่วม ก็ต้องถามพล.อ.ประยุทธ์ว่าทำรัฐประหารเข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ปี 57 ใช้งบประมาณเพื่อบริหารจัดการน้ำ ขุดลอกคูคลองแหล่งน้ำ เจาะบ่อบาดาล หมดเงินไปเท่าไหร่แล้ว?
แต่เชื่อว่ามากกว่ายุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” แน่ ๆ จำได้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งงบไว้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ แต่ยังทำไม่สำเร็จก็ถูกม็อบนกหวีดขับไล่ เจอรัฐประหารเสียก่อน
ขณะที่รัฐบาลประยุทธ์ 1 (คสช.) ฉาวโฉ่ตั้งแต่การประเคนงบกว่า 2 พันล้านบาท ให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ขุดลอกคูคลองและแหล่งน้ำทั่วประเทศ ทั้งที่ อผศ. ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่มีเครื่องจักรกล สุดท้ายมีการร้องเรียนกันเต็มไปหมด ว่ามีการ “จ้างช่วง” เอกชนไปทำงาน จนต้องยกเลิกโครงการไปในที่สุด
ส่วนการขุดบ่อบาดาลมีการร้องเรียนหลายพื้นที่ว่าค่าขุดแพง โดยเอกชนขุดบ่อละ 2 แสนบาท แต่รัฐบาลขุดบ่อละ 2 ล้านบาท รัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ก็อ้อมแอ้มว่าสาเหตุที่แพงเพราะต้องขุดลึก 300-400 เมตร
ปีนี้อีกแล้ว! เห็นว่ารัฐบาลจัดงบ 2 หมื่นล้านบาท ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไว้แก้ปัญหาภัยแล้ง แต่เชื่อเถอะสุดท้ายก็ซอยย่อยโครงการขุดลอกคูคลองกันเหมือนเดิม
ปัจจุบันสถานการณ์ภัยแล้งดีขึ้น แต่ปัญหาน้ำท่วมกำลังจะมาแทน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปล้วงเอาเงินแก้ภัยแล้งจากนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กลับคืนมาเสียดี ๆ!!.
————–
พยัคฆ์น้อย