การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาธิปัตย์ ยังต้องรับศึกหนัก เพราะนอกจากต้องสู้กับ “พลังประชารัฐ” และ “ภูมิใจไทย” แล้ว ยังต้องสู้กับ “รวมไทยสร้างชาติ” ที่รับรู้กันว่าเป็นพรรคการเมืองของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ยังมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนในภาคใต้ ดังนั้นการที่ “ประชาธิปัตย์” จะกลับมาได้ ส.ส. ยกจังหวัด ใน จ.สงขลา จึงเป็น “งานหนัก” ที่สุดของประชาธิปัตย์ ตั้งแต่มีการเลือกตั้งกันมา ซึ่งจะเป็นไปได้หรือไม่ อยู่ที่ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค ที่เป็น “แม่ทัพ” และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” (นายกชาย) รองหัวหน้าพรรค ที่รับผิดชอบการเลือกตั้งในภาคใต้ ซึ่งเป็น “ขุนพล” ที่สำคัญอีกคนหนึ่ง
สงขลามีเขตเลือกตั้งรวม 9 เขต เขตที่ประชาชนให้ความสนใจมากคือ เขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่าง “สรรเพชญ บุญญามณี” ผู้สมัครของประชาธิปัตย์ ที่เป็นบุตรชายของ “นิพนธ์ บุญญามณี” อดีต รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรค รวมทั้งผู้อำนวยการเลือกตั้งของ “ประชาธิปัตย์” ในครั้งนี้
ส่วนคู่แข่งของ “สรรเพชญ บุญญามณี” ก็คือ “เจือ ราชสีห์” ผู้สมัครของ “รวมไทยสร้างชาติ” พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ “สนับสนุน” ให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็น “นายกรัฐมนตรี” ในสมัยที่ 3 และ “เจือ ราชสีห์” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอดีต ส.ส.ของประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งเป็นนักการเมืองที่คนสงขลาคุ้นเคยกันดี ดังนั้นเขต 1 จึงเป็นการต่อสู้ระหว่าง “เลือดเก่า” และ “เลือดใหม่” ของประชาธิปัตย์นั่นเอง
สำหรับ “สรรเพชญ บุญญามณี” ไม่ใช่นักการเมือง “โนเนม” เป็นนักการเมืองหนุ่มที่ผ่านสนามเลือกตั้ง ส.ส. ในเขต 1 มาแล้ว ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 หรือ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้น “ประชาธิปัตย์” ส่ง “เจือ ราชสีห์” ไปเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และเปิดพื้นที่เขต 1 ให้ “สรรเพชญ บุญญามณี” ลงรับสมัคร ส.ส.เขต 1 สงขลาแทน โดยต้องแข่งขันกับ “วันชัย ปริญญา” ผู้สมัครของพลังประชารัฐ และด้วยความที่ “ประชาชน” เบื่อหน่าย 4 ปี ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ “ประชาธิปัตย์” และ ส.ส. ของพรรค “ทิ้งพื้นที่” ไม่สนใจกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ประชาชนในภาคใต้จึง “เททิ้ง” ผู้สมัครของ “ประชาธิปัตย์” เพื่อเป็นการสั่งสอน ด้วยการเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่น ๆ เช่น “พลังประชารัฐ” และ “ภูมิใจไทย” และ “สรรเพชญ บุญญามณี” ก็พ่ายแพ้ให้กับ “วันชัย ปริญญาศิริ” ผู้สมัครของพลังประชารัฐ
หลังการพ่ายแพ้ อย่างแรกที่ “สรรเพชญ บุญญามณี” ทำ คือลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตเลือกตั้ง เพื่อขอบคุณประชาชน และบอกกับประชาชนในเขตเลือกตั้งว่า จะเดินหน้าทำการเมืองด้วยการลงเลือกตั้งในสมัยหน้า เพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และ “สรรเพชญ บุญญามณี” ก็มีกิจกรรมทางการเมืองกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในห้วงเวลา 2 ปีกว่าที่ “ประเทศไทย” ผจญกับการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” คนในเขต 1 สงขลา จะเห็น “สรรเพชญ บุญญามณี” และทีมงานเดินทางไปทั่วทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง “ข้าวสาร อาหารแห้ง ถุงยังชีพ” พืช ผัก ผลไม้ จากทีมงานของ “สรรเพชญ บุญญามณี” ได้ช่วยเหลือผู้คนในเขต 1 สงขลา โดยเฉพาะ “คนจน” คน “เปราะบาง” ที่ช่วยตนเองไม่ได้ ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
ในการสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ “สรรเพชญ บุญญามณี” จับหมายเลขได้ เบอร์ 4 ซึ่งสอดคล้องกับเวลา 4 ปี ที่ “สรรเพชร” ลงหาเสียง คลุกคลีตีโมงกับประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 จนกลายเป็น “มอตโต” ในการหาเสียงของ “สรรเพชญ” ที่ให้ความสำคัญกับเลข 4 ที่ถือว่าเป็นเลขมงคล เป็นเบอร์นำโชค ในการเลือกตั้งครั้งนี้ บนเวทีปราศรัยหาเสียงทุกเวทีของ “ประชาธิปัตย์” เขต 1 สงขลา สิ่งที่ “สรรเพชญ บุญญามณี” นำเสนอต่อประชาชนเขต 1 สงขลา นอกจากนโยบาย “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ที่เป็นนโยบายของ “ประชาธิปัตย์” แล้ว “สรรเพชญ” ยังได้เสนอนโยบายเฉพาะเขตเลือกตั้ง เพื่อการพัฒนาจังหวัดสงขลา ต่อประชาชนอีกด้วย เช่น การท่องเที่ยวของ จ.สงขลา ในเขต 1 ซึ่งหมายถึง อ.เมือง และเขตเทศบาลนครสงขลาด้วย โดยจะส่งเสริมให้สงขลาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรม เพราะสงขลามีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการก่อสร้างที่เป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าและงดงาม ที่สร้างความดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง จ.สงขลา ให้เข้ามายัง อ.เมืองสงขลา และพักค้างคืนเพียง 1 คืน ก็จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในเขต 1 ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นเดียวเรื่องของการศึกษาที่ จ.สงขลา มีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ดังนั้นต้องมีการพัฒนาการศึกษาให้มีความเท่าเทียมกับส่วนกลางอย่างกรุงเทพฯ
ในเรื่องการลงทุนด้านต่าง ๆ เพื่อการ “สร้างงาน สร้างเงิน” เราจะไม่รอโครงการใหญ่ ๆ จากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องมีการวางเป้าหมายในเรื่องอุตสาหกรรม เพื่อการสร้างงานสร้างเงินให้กับคนในพื้นที่ ไม่ใช่นั่งรอโครงการหรือการลงทุนจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว แต่เราจะมีการสร้างงาน สร้างเงินให้กับประชาชนในพื้นที่ เช่นเดียวกับปัญหาเรื่องของการทำประมง ที่ต้องแก้ปัญหาที่ “ประชาธิปัตย์” ทำอยู่แล้ว ให้เร็วกว่านี้ เพราะสงขลาประชาชนส่วนหนึ่ง มีอาชีพที่อยู่ในวงจรของอุตสาหกรรมประมง
จากการติดตามการปราศรัยและการหาเสียง ด้วยการเดินลงพื้นที่แบบเคาะประตูบ้านของ “สรรเพชญ บุญญามณี” ที่ใช้เวลายาวนานถึง 4 ปี และเดินอย่างทั่วถึงทุกตรอกทุกซอยทุกหมู่บ้าน ตำบล ที่อยู่รอบนอกเขตเทศบาลนครสงขลา เช่น ต.เกาะแต้ว ต.ทุ่งหวัง ต.เขารูปช้าง ต.พะวง ต.เกาะยอ ที่มีกระแสการตอบรับจากประชาชนอย่างดี ด้วยประชาชนส่วนหนึ่งที่เคยทิ้ง “ประชาธิปัตย์” ไป เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ได้กลับมาให้การสนับสนุน “สรรเพชญ บุญญามณี” ในฐานะที่เป็นผู้สมัคร ส.ส. ก็ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ “สรรเพชญ บุญญามณี” จะได้รับ “ชัยชนะ” ได้เป็นผู้แทนราษฎร เขต 1 จ.สงขลา ค่อนข้างจะแน่นอน
แต่…ก็ต้องไม่ประมาท “คู่แข่ง” อย่าง “เจือ ราชสีห์” ที่เคยเป็น ส.ส. 4 สมัย ในเขตนี้ และครั้งนี้ได้กระแสของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี พรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ตัวจริง ที่ “เทียวไล้เทียวขื่อ” ลงพื้นที่ จ.สงขลา หลายครั้ง เพื่อช่วย “เจือ ราชสีห์” และผู้สมัครคนอื่น ๆ ที่เป็นคู่ชิงของประชาธิปัตย์ ถึง 3 เขตเลือกตั้ง.
ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล