เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เรื่องขั้วพรรคการเมืองและสูตรการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้ จะเกิด “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” หรือไม่?

นายวิษณุ บอกว่า เห็นทุกพรรคการเมืองพร้อมใจกันพูดว่าจะไม่ให้เกิดไม่ใช่หรือ แต่โดยมากแล้วรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้นไม่ควรจะตั้ง แต่ถ้าหนีไม่พ้นแล้วจำเป็นต้องตั้งก็จะเป็นเสียงข้างน้อยอยู่ไม่กี่วัน และจะเป็นเสียงข้างมากขึ้นมาเอง คงไม่อยู่ไปถึงขนาดไปเจอกฎหมายงบประมาณ แต่เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ อยากเห็นรัฐบาลข้างมากตั้งแต่ต้นมากกว่า

พยัคฆ์น้อย” ขีดเส้นใต้ตั้งแต่ประโยคที่ว่า แต่ถ้าหนีไม่พ้นแล้วจำเป็นต้องตั้งก็จะเป็นเสียงข้างน้อยอู่ไม่กี่วัน และจะเป็นเสียงข้างมากขึ้นมาเอง คงไม่อยู่ไปถึงขนาดไปเจอกหมายงบประมาณ

เมื่อนายวิษณุแสดง “ตรรกะ” ออกมาแบบนี้ แสดงว่าการตั้ง “รัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำ” เมื่อปี 62 แล้วค่อยพัฒนาฮวบๆ ลงมาเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” จึงมีความเป็นไปได้!

หลังจากนั้นจะมี “ส.ส.งูเห่า” เข้ามาเติมเต็มให้รัฐบาลเสียงข้างน้อย ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น ๆ โดยไม่รอเวลาไปให้ถึงการพิจารณากฎหมายสำคัญ ทั้งเรื่องงบประมาณและการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

เมื่อนายวิษณุแบะท่าออกมาแบบนี้ แสดงว่าขั้วอำนาจปัจจุบันไม่ได้สนใจกระแสของพรรคเพื่อไทย+พรรคก้าวไกล ทั้งกระแสพรรคและตัวบุคคลที่กำลังแรงเท่าใดนัก โดยพร้อมที่จะใช้ ส.ว. ลากตั้ง 250 คน ช่วยกันจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วคงไปกวาดต้อน “ส.ส.งูเห่า” มาเข้าสังกัด โดยไม่สนใจเสียงติฉินนินทาว่าร้าย

แนวคิดนี้อาจมาจากการจับ “จุดอ่อน” ของพรรคการเมืองที่โตพรวดพราดมาด้วย “กระแส” แต่ไม่มี “กระสุน” กับบรรดา ส.ส. พรรคใหญ่ที่ “จิตไม่แข็ง” จริง ๆ และมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เมื่อเจอฤทธิ์เดช “กล้วย” ก็มีโอกาสที่จะออกอาการ “เป๋” มาสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นกันมาแล้วหลายคนในอดีต

โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล มาแรง! เปรี้ยงปร้างด้วยเหตุผลใดบ้าง 1-2-3-4-5 เพราะเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ มุ่งทำการเมืองแนวใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการนำเสนอนโยบาย “เสรีนิยมสุดขั้ว”

ทั้งนโยบายแก้มาตรา 112 นโยบายการทำงานเจาะลงไปในกลุ่มอาชีพ นโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่โดนใจคนรุ่นใหม่ แต่นโยบายเหล่านี้ ถ้าเข้ามาอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร หรือได้จัดตั้งรัฐบาลจะทำได้หรือไม่ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

ยกตัวอย่างประเด็นร้อนเกี่ยวกับการแก้ไข “มาตรา 112” ที่สามารถจุดกระแสผู้คนในสังคมไทยได้อย่างกว้างขวางพอสมควร แต่ถึงวันนั้น ถ้ามีการนำ 112 ไปอภิปรายกันในสภา ยาวไปจนถึงขั้นลงมติของ ส.ส. แต่ยัง 50:50 ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน!

แต่ถ้าผ่านด่าน ส.ส. ไปแล้ว คิดว่า 112 จะผ่านด่าน ส.ว. ชุดนี้หรือ? ถึงจะเป็น ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งในสมัยหน้าก็เถอะ!

สมมุติถ้าผ่านด่าน ส.ว. ไปได้! “ขั้วอำนาจปัจจุบัน” ยังมั่นใจเกิน 100% ว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์-รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย ต้องรวบรวมเสียง ส.ส. เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้ไข 112 แล้วคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ผ่าน หรือไม่ให้ผ่าน?

ดังนั้นถ้าในยุค พ.ศ. นี้ แต่ยังมีคนฉุกคิดจัดตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” เพื่ออยู่ไปก่อนไม่กี่วัน แล้วจะเป็นเสียงข้างมากขึ้นมาเอง! นั่นแสดงว่าเขาชั่งน้ำหนักแล้วว่า “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” มีโอกาสความเป็นไปได้ มากกว่าการแก้ไข 112 ให้สำเร็จลุล่วงทุกด่าน!

พูดง่าย ๆ ว่าการกวาดต้อน “ส.ส.งูเห่า” มาเข้าฟาร์มของเขา ทำได้ง่ายกว่ากันเยอะ! กับกรณีผลักดันแก้ไขมาตรา 112 ไปให้ถึงฝั่งฝัน!!

————————–
พยัคฆ์น้อย