ในปี 2566 มีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้น 1 คน ทำให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ ชาวจังหวัดมหาสารคามจะได้ใช้อำนาจอธิปไตยของตนเอง เลือก ส.ส. ได้ถึง 6 เขต เลือกตั้งครอบคลุมทั้งจังหวัด การเลือกตั้งในปี 2562 “พรรคเพื่อไทย” สามารถกวาด ส.ส. ได้ทั้งหมด แต่มาในครั้งนี้ จะเป็นการช่วงชิงเก้าอี้ ที่จะมี พรรคภูมิใจไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคก้าวไกล แข่งขันกัน และมีแนวโน้มที่จะทำให้การเลือกตั้งคราวนี้มีความรุนแรงเป็นพิเศษ เพราะเมื่อผู้ท้าชิงจากพรรคร่วมรัฐบาล ครั้งนี้ “เพื่อไทย” คงต้องปกป้องฐานที่มั่นของตัวเองให้จงได้ ดังนั้นในปี 2566 เมื่อมี 6 เขตเลือกตั้ง จำนวนผู้สมัครในครั้งนี้มี 84 คน จากจำนวน 16 พรรคการเมือง

เริ่มกันที่ เขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองมหาสารคาม แชมป์เก่า “เพื่อไทย” นายแพทย์ กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย 1 สมัย นายแพทย์ กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เติบโตมาจากครอบครัวนักธุรกิจ ส่วนตัว นายแพทย์ กิตติศักดิ์ เป็นหมอสูตินรี และหันเหชีวิตมาสู่สนามการเมืองท้องถิ่น เป็นนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม ปี 2551-2562 และลงสนามเลือกตั้ง ส.ส. ในปี 62 ในนามพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนจากประชาชนอย่างล้นหลาม ล่าสุดได้ลงรับสมัคร ส.ส. ในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เป็น ส.ส. ได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง และหวังจะนั่งเก้าอี้ได้เช่นเดิม ซึ่งคู่ชิง “พลังประชารัฐ” นายทองหล่อ พลโคตร อดีตเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตโฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรัฐบาลของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมหาสารคาม เขต 1 สองสมัย สังกัดพรรคไทยรักไทย ตัวสอดแทรกประมาทไม่ได้ “ไทยสร้างไทย” นางสาวนงลักษณ์ ทุงจันทร์ อดีตนักจัดรายการวิทยุ เข้าสู่วงการการเมืองท้องถิ่น ในตำแหน่ง ส.จ. องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม 3 สมัย จากนั้นก็เข้าการเมืองสนามใหญ่ เดิมในปี 62 สมัคร ส.ส. ในนามพรรคพลังประชารัฐ “แต่สอบไม่ผ่าน” ในช่วงปี 2565 เลยเข้าไปอยู่ในสังกัดพรรคสร้างอนาคตไทย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมาลงพรรค “ไทยสร้างไทย” ส่วนอีกคนคือ “พรรคก้าวไกล” นายธีระวัฒน์ พรรณะ เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ เป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากจังหวัดมหาสารคาม มีนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่ยังให้ความหวังอยู่ไม่น้อย

เขตเลือกตั้งที่ 2 มีผู้สมัครจำนวน 16 คน พื้นที่ประกอบด้วย อ.วาปีปทุม อ.แกดำ อ.บรบือ (เฉพาะตำบลหนองม่วง ตำบลยาง และตำบลบัวมาศ) แชมป์เก่า “เพื่อไทย” นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ เป็น ส.ส. หลายสมัยของพรรคเพื่อไทย คู่ชิง “พลังประชารัฐ” สุชาติ ศรีสังข์ ฉายา (ซัดดัมอีสาน) เดิมทีเป็นอดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคไทยรักไทย ย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย ล่าสุดตัดสินใจลงพลังประชารัฐ ที่ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง มีฐานเกษตรกร ทำการบ้านมาอย่างหนัก “ก้าวไกล” นายธงไชย เบอร์ไทสง ผู้สมัครหน้าใหม่ เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่หวังคะแนนจากพรรค

เขตเลือกตั้งที่ 3 มีจำนวนผู้สมัคร 15 คน ประกอบด้วย อ.พยัคฆภูมิพิสัย อ.นาดูน อ.ยางสีสุราช “เพื่อไทย” นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ หลังจากได้รับการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างเป็นทางการ ก็ได้ทำหน้าที่ ส.ส. อย่างต่อเนื่องให้กับประชาชนในพื้นที่ของตนเอง โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ลงช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด สามารถมัดใจคนรากหญ้าและทุกกลุ่มทุกองค์กร คู่ชิง “ภูมิใจไทย” นายลัทธชัย โชคชัยวัฒนากร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “ส.ส.สุชาติ โชคชัยวัฒนากร” คนนี้เป็นคนหนุ่มไฟแรง สนามนี้เดือดแน่นอน เพราะจะเป็นนัดล้างตาระหว่างสองค่าย จะสำเร็จหรือไม่ เพราะ ส.ส.สุชาติ เคยลงสู้กับ ส.ส.ยุทธพงศ์ แต่ก็แพ้มาสองครั้ง ครั้งนี้จึงเป็นการวัดพลังว่าใครจะชนะ “พลังประชารัฐ” นายประสาทพร สีกงพลี เป็นอดีตนายกเทศบาลตำบลนาดูน หลายสมัย ฐานเสียงก็ไม่ธรรมดา คงจะเป็นตัวหารคะแนนได้

เขตเลือกตั้งที่ 4 พื้นที่ประกอบด้วย อ.บรบือ (ยกเว้น ต.หนองหม่วง และตำบลยางและตำบลบัวมาศ) และ อ.นาเชือก แชมป์เก่า “เพื่อไทย” (สับพันยูนายสรรพภัญญู ศิริไปล์ ส.ส. หลายสมัย คู่ชิง ภูมิใจไทยนายวิเชียร จงชูวณิชย์ พื้นฐานเป็นนักธุรกิจรับเหมา และเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยลงสมัคร ส.ส. ปี 62 แต่ก็พ่ายแพ้ ให้กับ นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ แต่รอบนี้บอกว่าทำการบ้านมาเต็มที่

เขตเลือกตั้งที่ 5 จำนวนผู้สมัคร 13 คน พื้นที่ ประกอบด้วย อ.โกสุมพิสัย อ.กุดรัง อ.กันทรวิชัย (เฉพาะตำบลเขวาใหญ่) แชมป์เก่า “เพื่อไทย” นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ (เป็นลูกชาย ส.ส. ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย จังหวัดมหาสารคาม 8 สมัย และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) คู่ชิง “พลังประชารัฐ” ส่ง นายโกศล คาดพันโน ดีกรีเป็นอดีต ส.อบจ. หลายสมัย เคยลงสมัครแข่งกับนายจิรวัฒน์ ครั้งนี้จึงลงสมัครใหม่ พกความมั่นใจมาเต็มที่ เนื่องจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ พร้อมหนุนแบบจัดเต็ม

เขตเลือกตั้งที่ 6 ประกอบด้วย กันทรวิชัย (ยกเว้น ต.เขวาใหญ่) อ.เชียงยืน อ.ชื่นชม เป็นพื้นที่ “เพื่อไทย” ส่งคนหนุ่มรุ่นใหม่คือ นายรัฐ คลังแสง (ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ส.ส.สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรเพื่อไทย) สังกัดพรรคเพื่อไทย เดิม นายรัฐ คลังแสง เป็นผู้บริหารโรงเรียนเอกชน ทำการเมืองร่วมกับ ส.ส.สุทิน มาตลอด รอบนี้ จึงเป็นโอกาสลงสนามการเมืองแทนพ่อ คู่ชิง “ภูมิใจไทย” นายธนกร อุดรพิมพ์ (เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ดร.คมคาย อุดรพิมพ์ นายก อบจ.มหาสารคาม) ลงพื้นที่กับแม่มาตลอด เมื่อโอกาสมาจึงตัดสินใจลงสมัครในนาม “ภูมิใจไทย” ส่วน “พลังประชารัฐ” ส่ง สิบเอก วิทน โชติเมืองปัก พื้นฐานเดิมเป็น ส.จ. องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ที่เคยเป็นทั้งมือซ้ายมือขวาให้กับ ดร.คมคาย อุดรพิมพ์ แต่การเมืองมันหอมหวาน จึงได้ลาออกจากพรรค และมาลงสมัครเป็นครั้งแรก อาศัยฐาน ส.อบจ. กับฐานเสียงที่จะมีผลในการหั่นคะแนนกัน.

ศูนย์ข่าวภาคอีสานตอนล่าง