ดวงชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำลังโคจรไปปะทะกับศึกครั้งใหญ่ในชีวิต เป็นศึกในสภา และศึกนอกสภา!

ศึกในสภาคือกำลังถูกพรรคการเมืองฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์กับรัฐมนตรีอีก 5 คน ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.–3 ก.ย. 64 ด้วยญัตติไม่ไว้วางใจที่ดุเดือดรุนแรง เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมโหวตขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

เที่ยวนี้พรรคเพื่อไทยแกนนำฝ่ายค้านทำงานเป็นระบบ เนื่องจากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาฯพรรค แถลงว่าพรรคมีความพร้อมเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะมีแคนดิเดตนายกฯแล้ว และถูกใจประชาชนแน่นอน

นอกจากนี้พรรคเพื่อไทย ยังออกกฎเข้มกับ ส.ส.ว่างานนี้ถ้าใครเบี้ยว ใครป่วย ใครโหวตสวนกับมติพรรค เจอถูกขับออกจากพรรค ไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. ในนามของพรรคอย่างแน่นอน

ขณะที่ศึกนอกสภา หลังจากสารพัดม็อบมีการอุ่นเครื่องขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์กันมาพักใหญ่ ๆ แต่รอบนี้เป็นศึกใหญ่ ทั้งคาร์ม็อบ คาร์ปาร์ค นัดรวมพลบนถนนที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก วันที่ 2 ก.ย. ส่วนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดกันออกมา “ทำหมัน ระบอบประยุทธ์” วันที่ 3 ก.ย.นี้ เช่นกัน

พล.อ.ประยุทธ์ต้องทบทวนตัวเองให้หนัก ๆ ว่าควรอยู่ หรือควรจะไปได้แล้ว! หรือหันไปถามพี่เลี้ยงอย่าง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่า “เรายังไหวกันหรือเปล่าพี่”

พล.อ.ประยุทธ์ต้องทบทวนตัวเองในโลกของความเป็นจริง ว่าบริหารประเทศ 7 ปี ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือยากจนมากขึ้น งบประมาณขาดดุลเท่าไหร่ กู้ฉุกเฉินมากี่ครั้ง ต้องกู้อีกเท่าไหร่ หนี้สาธารณะพุ่งไปกี่เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี หนี้ครัวเรือนกี่ล้านล้านบาท ที่สำคัญคือตัวเองมีศักยภาพในการเจรจาต่อรองในเวทีโลกมากแค่ไหน?

ไม่ต้องพูดถึงช่วงวิกฤติโควิด-19 ในประเทศไทยที่มีระบบการสาธารณสุขยอดเยี่ยมอันดับต้น ๆ ของโลก แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์บริหารจัดการโควิดล้มเหลว ทำให้ระบบการสาธารณสุขพังทลาย เนื่องจากประชาชนต้องรอคอยวัคซีน รอตรวจ รอเตียง รอเครื่องช่วยหายใจ และรอเผา เพราะเมรุตามวัดเต็มหมด!

คงมีไทยประเทศเดียวที่เกิดโรคระบาด แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องกระเสือกกระสนหาซื้อวัคซีนมาฉีดเอง ทั้งที่ในรัฐธรรมนูญ (รธน.) ระบุว่ารัฐต้องจัดสรรให้

ศึกในสภาและศึกนอกสภาเที่ยวนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องได้ “แผล” กลับบ้าน! แล้วอย่าคิดว่าการเปลี่ยนตัวโฆษกรัฐบาล และการปรับคณะรัฐมนตรีจะช่วยซื้อเวลาออกไปได้อีก

เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต่างอะไรกับ “ยาหมดอายุ” และตัวช่วยเหลือน้อยลงไปทุกที

ถ้าผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ ก่อนการปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะมีการโหวตวาระ 3 เพื่อแก้ไข รธน. ให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งคงจะผ่านเพราะเป็นเรื่องที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล

พูดง่าย ๆ ว่าเครื่องมือที่ตัวเองสร้างมาให้เป็นยาวิเศษ คือ รธน.ฉบับปี 60 กำลังจะหมดอายุไปพร้อมกัน!

ดังนั้นไม่ว่าจะดิ้นอย่างไร สุดท้ายก็ต้องไปสู่การเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกตั้งที่จะมีบัตรเขย่ง บัตรมาไม่ทันนับคะแนน มี ส.ส.ปัดเศษ มี ส.ส. 1,700 ไม่ได้อีกแล้ว! ดังนั้นเมื่อทางเดินเหลือน้อย จึงพอเถอะ พล.อ.ประยุทธ์!!.

—————–
พยัคฆ์น้อย