คัมแบ็คอีกครั้งพร้อมผลงานสุดปัง สำหรับบอยแบนด์ฮอต “เวริเวรี่ (VERIVERY)”  ที่มีสมาชิก ได้แก่ ดงฮอน (DONGHEON), โฮยอง (HOYOUNG) , มินชาน (MINCHAN) , กเยฮยอน (GYEHYEON), ยอนโฮ (YEONHO), ยงซึง (YONGSEUNG) และ คังมิน (KANGMIN) กับการปล่อยมินิอัลบั้มชุดที่ 6 “ซีรีส์ ‘โอ’ ราวด์ ทู: โฮล (SERIES ‘O’ [ROUND 2: HOLE])”  โดยมีเพลงไตเติ้ล อย่าง “ทริกเกอร์ (TRIGGER)” เพลงทรงพลัง ฟังติดหู ที่มาพร้อมท่าเต้นแข็งแกร่ง ที่สำคัญยังเป็นการต้อนรับการกลับมาร่วมงานกับเพื่อนสมาชิกของ มินชาน อีกครั้ง หลังจากเจ้าตัวพักงานด้วยปัญหาสุขภาพถึง 8 เดือนด้วย ซึ่งผลงานครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของทั้ง 7 หนุ่ม ทั้งด้านการร้องและเพอร์ฟอร์แมนซ์

ที่พิเศษสุด “ฮาอึน” ได้มีโอกาสเปิดใจสัมภาษณ์ทั้ง 7 หนุ่ม แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากเกาหลี ทั้งเรื่องการทำงานครั้งนี้ที่หนุ่ม ๆ ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ ความผูกพันกันในวงระหว่างสมาชิก และขาดไม่ได้กับเรื่องราวความรักและประทับใจที่หนุ่ม ๆ มีต่อ “เวอเรอร์ส (VERRERs  ชื่อแฟนคลับ)” ชาวไทย พร้อมทั้งยังส่งความห่วงใยและกำลังใจถึงแฟน ๆ ในช่วงวิกฤติโควิด 19 ที่ทำให้มาเจอกันไม่ได้ด้วย

 Q : พูดถึงอัลบั้มล่าสุด “SERIES ‘O’ [ROUND 2: HOLE] ให้ฟังหน่อย ว่าคอนเซ็ปต์อัลบั้มเป็นอย่างไร?

เวริเวรี่ : คอนเซ็ปต์มินิอัลบั้มชุดที่ 6 ของพวกเรา ‘ซีรีส์ ‘โอ’ ราวด์ ทู: โฮล’ ขณะที่พวกเรา ‘เวริเวรี่’ ถูกเชิญไปงานปาร์ตี้แปลกๆ ในอัลบั้มที่แล้ว มาในอัลบั้มนี้มันจะเบลอไปหมด พร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่เราไม่อยากเผชิญหน้า แล้วเราก็จมอยู่ในที่ของพวกเรา และสลายเลือนหายไปในความมืด โดยอัลบั้มนี้พวกเราตั้งใจแสดงให้เห็นถึงความหมายสองความหมาย จากคำว่า “Locked” (ถูกขัง) ซึ่งทุกคนจะได้สนุกเต็มอิ่มไปกับเรื่องราวของอัลบั้ม ถ้าหากคุณได้ดูจากมุมมองของผู้ที่เฝ้าสังเกตการณ์ที่รู้และเห็นทุกอย่าง ซึ่งเขาคอยเฝ้าดูเวริเวรี่ที่ถูกขังอยู่ในห้องขังทั้ง 7 ห้องครับ

Q : ช่วยพูดถึงเพลงไตเติ้ลในครั้งนี้?

เวริเวรี่ : สำหรับเพลงไตเติ้ลมีชื่อเพลงว่า “ทริกเกอร์” เป็นเพลงที่มีเสียงอินโทรเป็นเอกลักษณ์และรูปแบบแนวเสียงที่ฟังแล้วติดหูครับ

Q : อยากให้สมาชิกแนะนำเพลงที่ตัวเองชอบ ในอัลบั้มนี้ และทำไมจึงอยากให้แฟน ๆ ได้ฟังเพลงนี้?

ดงฮอน : ผมอยากแนะนำเพลง ‘ฮาร์ท แอทแทค (Heart Attack)’ เป็นเพลงที่ผสมผสานเสียงร้องที่สดชื่น และทรงพลัง กับเสียงเบสที่หนักแน่น ที่ผมแนะนำเพลงนี้ เพราะคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความเย็น ในช่วงวันที่อากาศร้อน ๆ แบบนี้ครับ

โฮยอง : ผมก็อยากแนะนำเพลง ‘ฮาร์ท แอทแทค’  เป็นเพราะอากาศร้อน แต่เมโลดี้ของเพลงจะวนเวียนอยู่ในหัวของคุณ เพราะท่อนฮุคที่ติดหูครับ

มินชาน : ผมอยากแนะนำเพลงที่สี่  ‘ฮาร์ท แอทแทค’ เหมือนกัน เพราะเสียงของผมในช่วงต้นเพลงนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดมากๆ ครับ

ยอนโฮ : ผมอยากแนะนำเพลง ‘พรอม (Prom)’ เหตุผลก็คือ เพลงนี้เป็นเพลงที่พวกเราแต่งกันเอง และมันให้บรรยากาศที่สดใสและให้ความรู้สึกที่สดชื่น เข้ากับฤดูร้อน! เป็นเพลงจังหวะเฮาส์และเบสกรูฟที่น่าประทับใจ หัวใจสำคัญของเพลงนี้ คือเนื้อเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกสนุกและสดชื่น ภายใต้ธีม  ‘พรอม’ ครับ

ยงซึง : ผมชอบทุกเพลงในอัลบั้มนี้เลยครับ แต่ขอเลืองเพลงที่สาม ‘พรอม’ เพราะว่าพวกเราใช้ความพยายามและทุ่มเทอย่างมากในการเลือกธีม ท็อปไลน์ และเนื้อเพลง ด้วยมอบความรักให้เพลงนี้เยอะๆ นะครับ

คังมิน :  เพลงโปรดของผมคือ ‘ฮาร์ท แอทแทค’ เพราะเนื้อเพลงดี ให้กลิ่นอายบรรยากาศของเพลงครับ

กเยฮยอน : เพลงที่สอง ‘อันเดอร์ด็อก (Underdog)’ เป็นแนวเพลงป็อป ที่ผสมผสานจังหวะเบสฟังกี้ และเสียงซินธ์อันเป็นเอกลักษณ์ และคุณจะสามารถสัมผัสถึงเสน่ห์ที่หลากหลาย ในการจัดเรียงสลับกลับกันไปมาในแต่ละส่วนครับ

Q :  ช่วยเล่าประสบการณ์ระหว่างการถ่ายทำเอ็มวีให้ฟังหน่อย มีเรื่องสนุกๆ อะไรบ้าง?

ดงฮอน : ขั้นตอนของการทำมิวสิควิดีโอนั้น มีความซับซ้อนมากครับ หลายคนใส่ความพยายามและทุ่มเทอย่างมากกับมัน ดังนั้นพวกเราจึงมักจะถ่ายทำกันจนถึงดึก มีอยู่ฉากหนึ่งที่ผมถ่ายทำที่อาคารร้างจนดึก และมันน่ากลัวมาก ตอนผมกำลังรออยู่ที่โถงทางเดินของตึกร้างที่ไฟดับ ช่วงเวลาที่สนุกที่สุดและคุ้มค่ากับความพยายาม ก็คือตอนที่ผมได้เห็นกระบวนการเหล่านั้น ออกมาเป็นชิ้นผลงานครับ

โฮยอง : มีฉากกลางแจ้งหลายฉาก และผมหัวเราะหนักมากที่เห็นเมมเบอร์วิ่งหนีผึ้ง เพราะพวกเขากลัวครับ

มินชาน : ผมคิดว่ามันสนุกที่สุด เมื่อได้เห็นฉากแฟนซีตอนที่ผมกำลังถ่ายทำมิวสิควีดีโอ ครั้งนี้มีฉากแฟนซีมากมายด้วย ดังนั้นผมก็เลยตั้งตารอดูผลลัพธ์ที่จะออกมาจริง ๆ ครับ

กเยฮยอน : ผมเป็นคนสุดท้ายที่ถ่ายจนถึง 9 โมงเช้า และแม้ว่าทีมงานจะงีบหลับและดูเหมือนเหนื่อยมาก ผมรู้สึกประทับใจในความทุ่มเทและความพยายามอย่างเต็มที่ของพวกเขาครับ

ยอนโฮ : ครั้งนี้สถานที่ถ่ายทำร้อนมากครับ และผมจำได้ว่าพวกเรายืนอยู่หน้าพัดลมด้วยกัน เพื่อให้เหงื่อมันแห้งครับ

ยงซึง : ฉากเก้าอี้ไฟฟ้า เป็นฉากที่น่าจดจำและสนุกที่สุดสำหรับผม ผมได้เห็นเมมเบอร์ของพวกเราแสดง และสถานที่ถ่ายทำก็ดูสมจริงมาก สายไฟและเก้าอี้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันมีไฟฟ้าจริงๆ ยิ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกอินครับ

คังมิน : ผมมีความสุขมาก เพราะอาหารอร่อยมาก และมันทำให้ผมแข็งแรงในช่วงระหว่างการถ่ายทำที่หนักหน่วงครับ

ดงฮอน (DONGHEON)
ยงซึง (YONGSEUNG)
ยอนโฮ (YEONHO)
กเยฮยอน (GYEHYEON)

Q :  การทำงานในครั้งนี้ มีอะไรที่ท้าทายบ้าง?

ดงฮอน : การซ้อมเต้นสำหรับเพลงไตเติ้ลของอัลบั้มนี้ยากมาก เพราะว่ามีท่าที่เต้นรัวแบบไม่มีพัก เลยหายใจไม่ทันครับ

โฮยอง : การถ่ายทำมิวสิควิดีโอเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด พวกเราใช้เวลาเกือบ 4 วัน และเนื่องจากว่าพวกเราพยายามที่จะโชว์ความหลากหลายของตัวเราและสถานที่ถ่ายทำต่างๆ มันจึงเป็นความยากลำบากทางร่างกายครับ

มินชาน : เนื่องจากว่าผมได้กลับมาร่วมงานในอัลบั้มหลังจากที่หายไปนาน มันเลยยากที่จะปรับในหลายส่วน ในระหว่างถ่ายภาพหมู่ของพวกเรา อย่างตอนถ่ายภาพแจ็คเก็ตนั้นยากมาก ผมตัวแข็งทื่อ เพราะว่ารู้สึกประหม่ามากครับ

กเยฮยอน : หลายเพลงเสียงสูงและร้องยากมาก ผมเลยพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เสียงร้องที่ดีทุกครั้งที่อัดเสียง แต่มันก็เป็นความท้าทายไม่น้อยเลยครับ

ยอนโฮ : สำหรับอัลบั้มนี้ มันยากตอนที่ผมเรียนและฝึกเต้น มันเป็นท่าเต้นที่โดดเด่นที่สุด ที่ต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกายครับ

ยงซึง : ตอนที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอเป็นวันที่พวกเราหายใจหอบมาก ผมมั่นใจความแข็งแรงในร่างกายของผมนะ แต่การที่วิ่งไปวิ่งมาในฉาก คือมันเหนื่อยมากจริงๆ ครับ

คังมิน :  เป็นอัลบั้มที่พวกเราได้กลับมาทำหลังหยุดพักไปนานที่สุด ดังนั้นผมเลยรู้สึกประหม่าและมีความกังวลมาก นั่นคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับผมครับ

มินชาน (MINCHAN)
คังมิน (KANGMIN)
โฮยอง (HOYOUNG)

Q :  มีเป้าหมายอะไรที่พวกคุณอยากประสบความสำเร็จกับมินิอัลบั้มนี้มั้ย?

เวริเวรี่ : พวกเราหวังว่าเวอเรอร์สชาวไทยของพวกเราจะสามารถสร้างความทรงจำที่มีความสุขมากขึ้น มีแฟนๆ ชาวไทยรู้จักและสนับสนุนพวกเรามากขึ้น นอกจากนี้พวกเรายังอยากชนะที่หนึ่งในรายการเพลงด้วย

Q :  ความพิเศษของมินิอัลบั้มชุดนี้คืออะไร และทำไมแฟนชาวไทยจึงไม่ควรพลาด?

เวริเวรี่ : พวกเราเชื่อว่าความพิเศษของอัลบั้มนี้ คือภาพลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของสมาชิกและการแสดงที่ทรงพลัง ช่วยรอติดตามชมการแสดงที่เรียบง่าย แต่ทรงพลังของพวกเราด้วยนะครับ และเนื่องจากแฟนๆ รอคอยกิจกรรมของสมาชิกทั้ง 7 คนของพวกเรามานาน  ‘เวริเวรี่’ จะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้สมกับความคาดหวังของแฟน ๆ ช่วยรอติดตามชมผลงานของพวกเราด้วยนะครับ

Q : ในสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังระบาดหนักอยู่ทั่วทุกมุมโลก พวกคุณต้องปรับตัวในการทำงานกันอย่างไรบ้าง?

เวริเวรี่ : ทุกอย่างถูกดำเนินการกันอย่างเข้มงวดมาก ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ดังนั้น แม้ว่าพวกเราจะต้องถอดหน้ากากอนามัยระหว่างการถ่ายทำ แต่นอกเหนือจากนั้น เราก็พยายามปฏิบัติตามกฏการป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอย่างเคร่งครัด  นอกจากนี้แม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกันแบบตัวต่อตัว แต่แฟนๆ ของเราก็ให้การสนับสนุนผ่านกิจกรรมเอสเอ็นเอสและจดหมายจากแฟนคาเฟ่มากมาย ดังนั้นเราอยากจะขอบคุณแฟนๆ ที่ยังรอคอยและสนับสนุนพวกเรา ด้วยการทำงานให้หนักขึ้นครับ

Q :  ตั้งแต่ “VERIVERY” เดบิวต์จนถึงวันนี้ สิ่งที่รู้สึกประทับใจหรืออยู่ในความทรงจำมากที่สุดคืออะไร?

ดงฮอน : มีประสบการณ์มากมาย ตั้งแต่พวกเราเดบิวต์จนถึงตอนนี้ ประสบการณ์ที่ประทับใจที่สุดและประสบการณ์   ที่คิดถึงที่สุดในช่วงเวลานี้ ก็คือการที่ได้เดินทางไปต่างประเทศและสถานที่ต่างๆ ในเกาหลี เพื่อแสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าแฟนๆ ของพวกเรา มันมีค่ามากในช่วงเวลานี้ เพราะประสบการณ์เหล่านั้นคอยสนับสนุนและนำทางพวกเราอยู่ครับ

โฮยอง : ผมคิดว่างานโชว์เคสตอนเดบิวต์ครับ มันเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับแฟนๆ แบบตัวต่อตัว และผมรู้สึกซาบซึ้งกับการสนับสนุนของพวกเขาครับ

มินชาน : ผมเชื่อว่าการได้พบกับเวอเรอร์ส ของพวกเราแบบตัวต่อตัว เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและมีความสุขที่สุดครับ

กเยฮยอน : ผมคิดว่า ทุกช่วงเวลาที่ผมปรากฏตัวอยู่บนเวทีในฐานะศิลปิน คือประสบการณ์ที่น่าประทับใจที่สุดสำหรับผมครับ

ยอนโฮ : ผมประทับใจมากตอนที่ได้พบกับเวอเรอร์สของพวกเราครั้งแรก ผมไม่สามารถลืมประสบการณ์นั้นได้เลย ตอนที่ผมเผชิญหน้ากับพวกเขา คนที่ชอบและสนับสนุนพวกเราครับ

ยงซึง : ผมรู้สึกว่าตัวเองเปล่งประกายที่สุดเมื่ออยู่บนเวทีใหญ่ เวทีใหญ่อย่างงาน “เคคอน (KCON)” คือประสบการณ์ที่น่าประทับใจและน่าจดจำที่สุดครับ

คังมิน : ผมคิดว่าตอนที่ได้เจอแฟนๆ ของเราครั้งแรก เป็นสิ่งที่ประทับใจที่สุดครับ

Q : เมื่อพูดสมาชิกในวง มาจนถึงวันนี้ คิดว่าใครมีการเปลี่ยนแปลงหรือเติบโตมากขึ้นบ้าง ในด้านไหน?

ดงฮอน : ล่าสุดผมมีโอกาสได้ดูวิดีโอเดบิวต์ของพวกเรา และคิดว่า ‘คังมิน’ ยังเป็นแค่เด็กเล็กๆ แต่ตอนนี้เขาโตขึ้นมากจริง ๆ ครับ

โฮยอง : ผมคิดว่า ‘ยงซึง’ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเป็นคนใจเย็นขึ้นด้วยครับ

มินชาน : ผมคิดว่า ‘ยงซึง’  ครับ ภาพของเขามีความหลากหลายมากขึ้น เพราะว่าเขาดึงภาพที่หลากหลายเข้ากับคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มครับ

กเยฮยอน : เชื่อว่า ‘คังมิน’ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและโตขึ้นมากครับ ปีหน้าเขาก็จะบรรลุนิติภาวะ และผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเขาจะโตขึ้นอย่างไร

ยอนโฮ : ดูเหมือน ‘คังมิน’ จะโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมคิดว่าเขายังเป็นเด็กเล็กอยู่ แต่ก็มีบางครั้งที่เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผม

ยงซึง : ผมคิดว่า ‘ยอนโฮ’ เปลี่ยนไปมากครับ ตอนที่พวกเราเดบิวต์เขาเคยน่ารักและยิ้มแย้ม แต่วันนี้เขาดูเท่และเซ็กซี่ขึ้น ขึ้นอยู่กับคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มครับ

คังมิน : “ผมคิดว่าเป็น ‘โฮยอง’ ครับ เขาตัวใหญ่ขึ้น และอาจจะเป็นเพราะว่าเขาทำผมสีดำ เขาก็เลยดูเท่ขึ้นครับ

Q :  เวลารู้สึกเหนื่อยหรือท้อ อะไรคือพลังและกำลังใจสำคัญ ที่ทำให้พวกคุณลุกขึ้นสู้ต่อ?

ดงฮอน :   พลังจากแฟนเพลงของพวกเราเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดครับ และผมได้รับกำลังใจมากมายจากครอบครัวของผมและเพื่อนๆ สมาชิกวงเวริเวรี่  ที่ได้ทำงานด้วยกันครับ

โฮยอง : ผมได้รับพลังจากการคิดถึงครอบครัวและสุนัขของผม! นอกจากนี้ผมยังรู้สึกเข้มแข็งเมื่อผมคิดถึงแฟนๆ ที่กำลังรอคอยพวกเราอยู่ครับ

มินชาน :  ผมกอดตัวเองด้วยการคิดถึงเวอเรอร์สของพวกเรา! และอดทนด้วยการถ่ายรูปด้วยกันกับเวอเรอร์สครับ

กเยฮยอน : ผมได้รับพลังมากมายจากการสนับสนุนและการสื่อสารกับแฟนๆ ของเรา และผมยังได้รับพลังและกำลังใจจากเมมเบอร์ของพวกเราด้วยครับ

ยอนโฮ : ผมได้รับพลังและกำลังใจจากการเฝ้าดูเวอเรอร์สครับ

ยงซึง : ผมพยายามจัดการกับช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยอย่างมีสติ ด้วยการเชื่อว่าผมจะสามารถเป็นผมที่ดีขึ้น ถ้าผมอดทนกับช่วงเวลานี้ได้ครับ

คังมิน : การสนับสนุนของเวอเรอร์สในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดครับ และวิธีส่วนตัวของผมในการสร้างกำลังใจ ก็คือการทำซ้ำๆ เพื่อพยายามทำในสิ่งที่คุณทำไม่ได้ครับ

Q :  ยังมีเป้าหมายหรือสิ่งที่เป็นความท้ายทายส่วนตัว ที่อยากทำให้สำเร็จอีกบ้างรึเปล่า?

เวริเวรี่ : พวกเราหวังว่า ‘เวริเวรี่’ จะเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น ได้ทำการแสดงที่ยิ่งใหญ่ให้แฟนๆ ได้ชมผ่านงานดนตรีที่ยอดเยี่ยม และสามารถเยียวยาพวกเขาได้ด้วยดนตรีของพวกเราครับ เป้าหมายของพวกเราในเวลานี้ คือการโปรโมทอัลบั้มนี้ให้เสร็จอย่างปลอดภัย และได้ที่หนึ่งในรายการเพลงครับ

Q :  หากให้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี ที่อยากให้แฟนชาวไทยได้ไปเที่ยว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 จบลง พวกคุณอยากแนะนำสถานที่ไหนกัน?

ดงฮอน : ถ้าคุณมาเที่ยวเกาหลี ผมอยากแนะนำเมือง ‘คาพยอง (Gapyeong)’ ครับ ผมเพิ่งไปถ่ายงานที่นั่นมา  และผมมีความทรงจำที่ดีมากกับการได้เล่นน้ำและจัดปาร์ตี้บีบีคิวที่บ้านพัก ผมอยากให้ทุกคนได้มีความทรงจำดีๆ เมื่อมาเที่ยวที่เกาหลีครับ

โฮยอง : ผมอยากแนะนำให้ไปเที่ยวที่ ‘นัมซาน ทาวเวอร์ (Namsan Tower)’ ในตอนกลางคืนครับ ผมไปเดินเล่นที่นั่นกับ ‘คังมิน’  และ ‘ยงซึง’  วิวตอนกลางคืนที่นั่นสวยสุดยอดมากครับ

มินชาน : ผมแนะนำ ‘สวนสาธารณะ ริมแม่น้ำฮัน’ ครับ คุณสามารถปั่นจักรยานและผักผ่อนอย่างสบายๆ มันเป็นสถานที่สำหรับการเยียวยาจิตใจครับ

กเยฮยอน : ผมอยากแนะนำเส้นทาง ‘โอลเล (Olle route)’ ในเกาะเชจู พวกคุณจะสามารถเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้อย่างสบายใจครับ

ยอนโฮ : ถ้าคุณมาเที่ยวที่เกาหลี ผมอยากแนะนำให้ไปเที่ยวที่ ‘นัมซาน ทาวเวอร์ (Namsan Tower)’ ครับ วิวตอนกลางคืนมันสุดยอดมาก และคุณยังสามารถออกกำลังกายได้ด้วยครับ

ยงซึง : ผมอยากให้แฟนๆ ของผม ใช้เวลาที่ ‘ริมแม่น้ำฮัน (Hangang)’ พวกคุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความเป็นโซลมากที่สุดที่แม่น้ำฮัน และวิวของเมืองโซลก็เยี่ยมมากครับ

คังมิน : ผมอยากแนะนำให้ไปเที่ยวที่ ‘นัมซาน (Namsan)’ แม้ว่าจะปีขึ้นไปยาก แต่วิวข้างบนสวยมากครับ

Q :  เมื่อพูดถึงเมืองไทย สิ่งแรกที่พวกคุณคิดถึงคืออะไร?

เวริเวรี่ : สิ่งแรกที่คิดถึงอยู่ในใจเลยก็คือ การได้พบปะกับแฟนๆ ชาวไทย และการได้โชว์ในรายการทีวีครับ ตอนนี้เราก็คิดถึงมันขึ้นมาแล้ว แม้ว่าตารางงานจะค่อนข้างแน่นนิดหน่อย เรารู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่สามารถไปที่อื่นๆ ได้อีก นอกจากนี้เรายังจำอาหารอร่อยๆ ที่เราทานได้ ผัดไทยก็อร่อย แล้วก็จำผลไม้บางอย่างที่เราไม่สามารถหาได้ในเกาหลีครับ

Q : มีเรื่องราวที่พวกคุณรู้สึกประทับใจเกี่ยวกับแฟนชาวไทยรึเปล่า ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย?

ดงฮอน :   ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ไปเมืองไทย มีแฟนๆ มารอรับเราที่สนามบิน มันเป็นช่วงเวลาที่ซาบซึ้งและรู้สึกประทับใจ เวลานึกถึงว่า “มีคนจากประเทศที่ห่างไกลกัน คอยสนับสนุนพวกเราอยู่

 โฮยอง : แฟนๆ ชาวไทยยิ้มแย้มเสมอ! เห็นแบบนั้นแล้ว ผมเลยพยายามเป็นคนที่คิดบวกมากขึ้น เพื่อที่จะได้ยิ้มมากขึ้นครับ

มินชาน : ผมจำได้ว่าตอนที่เราได้พบกันที่เมืองไทย พวกเขามอบพลังให้ผมเยอะมาก ด้วยการส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ ตอนที่เราทำการแสดงของพวกเราอยู่ครับ

กเยฮยอน :  พวกเขาแสดงออกมาอย่างจริงใจมาก และผมรู้สึกซาบซึ้งประทับในความรักที่พวกเขาได้แสดงออกมาที่สนามบินครับ

ยอนโฮ : มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก ที่แฟนๆ ชาวไทยให้การต้อนรับและสนับสนุนพวกเรา  เมื่อตอนที่เราไปเมืองไทยครับ

ยงซึง : ความประทับใจแรกที่มีต่อแฟนๆ ชาวไทย คือตอนที่ผมเห็นพวกเขาที่สนามบิน ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่พวกเขาให้การตอนรับพวกเราเป็นอย่างดี ผมยังจำได้ไม่ลืมเลยครับ ผมเสียใจที่ตอนนี้ไม่สามารถไปพบกับแฟนๆ ชาวไทยได้

คังมิน : พวกเขาน่าจดจำมาก เพราะพวกเขาตะโกนเรียกเราที่สนามบินและที่คอนเสิร์ต ผมมีความสุขมากที่สัมผัสได้ถึงความรักของพวกเขาครับ

Q :  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงรุนแรง พวกคุณอยากให้กำลังใจแฟนชาวไทยรวมทั้งแฟน ๆ ทั่วโลกอย่างไรบ้าง?

เวริเวรี่ :  ในสถานการณ์ที่น่าผิดหวัง ที่ทำให้เรายังไม่สามารถพบกันได้ต่อไปแบบนี้ และเนื่องจากว่ามันเป็นวันที่ยากสำหรับทั้งสองฝ่าย เราจึงควรคิดถึงและให้กำลังใจกันและกัน เพื่อรอวันที่พวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง ขอบคุณมากๆ สำหรับการสนับสนุนพวกเราตลอดมา แม้พวกคุณจะต้องเหน็ดเหนื่อย พวกเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นนะครับ พวกเรารักคุณครับ

Q :  ฝากข้อความถึงแฟนชาวไทย ที่คอยมอบความรักให้พวกคุณมาโดยตลอดหน่อย?

ดงฮอน  : เวอเรอร์ ในเมืองไทย! มันเหมือนความฝันที่เราได้แสดงคอนเสิร์ตบนเวทีและสนุกไปด้วยกันที่เมืองไทย ผมใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เพื่อระลึกถึงความทรงจำและประสบการณ์เหล่านั้น ผมหวังว่าเวอเรอร์ของเราจะใช้ชีวิตอย่างสนุกและคุ้มค่า ด้วยการระลึกถึงความทรงจำที่พวกเราเคยอยู่ด้วยกัน ขอให้ทุกคนปลอดภัยจนถึงวันที่เราจะได้พบกันอีกนะครับ

โฮยอง : ในที่สุดเวริเวรี่ ก็กลับมาแล้ว ว้าว!! ขอบคุณแฟนๆ ของพวกเรามากสำหรับการรอคอย พวกเราจะตอบแทนความรักของคุณเท่าที่พวกคุณมอบให้กับอัลบั้มนี้เลยครับ

มินชาน :  ขอบคุณมากสำหรับการสนับสนุนพวกเราข้ามประเทศตลอดมา และช่วยให้การสนับสนุนพวกเราต่อไปในอนาคตด้วยนะครับ เราจะเป็น ‘เวริเวรี่’ ที่พยายามทำให้ดีที่สุดเสมอ!!

กเยฮยอน : ผมดีใจมากที่ได้ฝากข้อความถึงเวอเรอร์ผ่านการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนมาโดยตลอดของพวกคุณ เราจะพยายามอย่างเต็มและทำให้ดีที่สุดสำหรับการโปรโมตอัลบั้มนี้ ดังนั้นช่วยติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ ขอขอบคุณครับ

ยอนโฮ : นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอเวอเรอร์ชาวไทย ผมคิดถึงพวกคุณมาก และผมทำดีที่สุดด้วยการคิดถึงเวอเรอร์ แล้วเจอกันเร็วๆ นี้นะครับ ผมรักคุณครับ

ยงซึง : ผมสัมผัสได้ถึงความรักและการสนับสนุนของพวกคุณเสมอ ถึงแม้จะไม่สามารถได้พบกัน แต่โปรดอย่าลืมว่าผมก็รักและสนับสนุ เวอเรอร์ชาวไทยไม่น้อยไปกว่าที่พวกคุณมีให้ผมเช่นกัน ผมสัญญาว่ากลับไปพบพวกคุณอีกครั้ง พร้อมกับเพลงและการแสดงที่ยอดเยี่ยมของพวกเรา ผมรักคุณครับ

คังมิน : ช่วยมอบความรักให้เพลง ‘ทริกเกอร์’ เยอะๆ นะครับ ซึ่งพวกเราเตรียมตัวกันเยอะมาก พวกเราจะทำให้ดีที่สุดเสมอครับ ผมรักคุณครับ

เรียกว่าเป็นการพูดคุยที่ทำให้เห็นถึงความตั้งใจทุ่มเทของทั้ง 7 หนุ่มในการทำผลงานออกมาฝากแฟน ๆ แถมยังอัดแน่นด้วยเรื่องราวแสนน่ารักอบอุ่นที่  “VERIVERY” มีต่อแฟนชาวไทยด้วย

ฮาอึน / PHOTO TWITTER VERIVERY_OFFICIAL , VERIVERY (@by_verivery)