“ทีมข่าวเดลินิวส์” จึงถือโอกาสสัมภาษณ์พิเศษเปิดใจ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงผลงานที่ทำมาแล้ว 8 ปี และเหตุผลที่ขอทำงานต่ออีก 2 ปี ภายใต้มอตโต “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”

8 ปีที่ผ่านมาทำนโยบายหลายอย่าง มีผลงานที่ประทับใจที่สุดมีเรื่องอะไรบ้าง

มีหลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่ผมย้ำที่สุดเสมอคือเรื่อง ความเท่าเทียม ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งความเท่าเทียมมีเรื่องของโอกาสการให้ทุกคนเข้าถึงเรื่องความเป็นธรรม การดูแลผู้มีรายได้น้อย เพราะในทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตย และประเทศที่เป็นเสรีนิยม จะมีปัญหาหมดความเหลื่อมล้ำ จึงต้องดูว่าเราจะลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ได้อย่างไร จึงต้องพัฒนาให้คนเข้าถึงใน เรื่องของดิจิทัล ผมได้พูดเสมอว่าศตวรรษที่ 21 เป็นโลกยุคใหม่ยุคเอไอ ยุคเทคโนโลยี เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะต้องเตรียมการซึ่งผมก็ได้เตรียมการมา 8 ปีแล้ว วันนี้ดูตัวอย่างพลังงานผันผวนหรือไม่ สงครามผันผวนหรือไม่ ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ และ ปัญหาในเรื่องความขัดแย้งทางชายแดน จะมีอีกหรือไม่ เราก็ยังไม่รู้แต่จะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้ หากเราไม่เตรียมความพร้อมวันนี้ จะเตรียมความพร้อมเมื่อไหร่

อันนี้คือทำแล้ว มีบางอันยังไม่เสร็จต้องทำอยู่ และต้องทำต่อให้เสร็จ พอจบเรื่องใหญ่แล้ว ก็เหลือสิ่งเล็ก ๆ ทุกอย่างต้องเริ่มจากโครงสร้างใหญ่ก่อน เพื่อให้ไปถึงคนทุกภาคส่วน ทุกจังหวัด ถ้าไปดูรายได้ทั้งหมด 77 จังหวัด จะเห็นว่ารายได้แตกต่างกัน เราจะทำอย่างไรให้จังหวัดที่มีรายได้น้อย มีรายได้ที่สูงขึ้น เพราะนั่นถือเป็นการเพิ่มรายได้ประชากร (จีดีพี) ของประเทศ เศรษฐกิจฐานรากจะ แก้ไขความยากจน ได้อย่างไร ซึ่งนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีนโยบายทำงานใช้หนี้ ยกตัวอย่างเช่น คนที่อายุ 60 ปี ต้องไปดูว่ายังสามารถทำงานได้อยู่หรือไม่ ทำงานนั่งโต๊ะแล้วหักเงินเดือนแล้วนำมาใช้หนี้ตรงนี้ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องคิดอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่จะประกาศเป็นนโยบายออกไปแล้วไม่มีมาตรการมันทำไม่ได้

ขณะที่เรื่องที่อยู่อาศัยของประชาชน ผมเป็นคนคิดกฎหมายเรื่องนี้ขึ้นมา เราหาที่ดินได้ประมาณ 5.5 ล้านไร่ ตอนนี้อนุญาตไปแล้ว 1 ล้าน 9 แสนไร่ แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่าที่ดินเป็นที่ของราชการก็ต้องไปพิสูจน์สิทธิว่าจะอยู่มานานแล้วหรือไม่ก่อนประกาศกฎหมายอันนี้ออกมาหรือไม่ ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผมก็นั่งคิดว่าจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมและจะต้องไปปรับข้างใน ซึ่งก็ได้ไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าสามารถเพิ่มให้ 1,000 บาทได้หรือไม่ เขาก็บอกว่าทำได้ ไม่ได้ไปกระทบอันอื่น และจะทำอย่างไรให้ขยายต่อในเมื่อเขามีเงินกันคนละ 1,000 บาทในกระเป๋าอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นนโยบายของพรรค รทสช.

วันนี้เรื่องการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน ทุกคนมองว่าพลังงานมันแพง แต่จะต้องดูว่ามันแพงจากอะไรและเราจะแก้ปัญหาอย่างไร ไม่ใช่ผมไม่เดือดร้อน ทุกอย่างที่ประชาชนเดือดร้อนผมเดือดร้อนหมด ผมร้อนใจ เพราะหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต้องดูแลคนทั้ง 70 ล้านคนให้ทุกคนพอใจ แต่ความพอใจต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และข้อเท็จจริงวันนี้ก็หาทางปรับแก้ ดูว่าจะแก้ตรงไหนได้บ้าง และจะทำอะไรได้บ้าง เรื่องค่า FT มันมีกติกาและสัญญา แต่เราก็ต้องดูแลผู้มีรายได้น้อย วันนี้เรากำลังเดินหน้าไปสู่การผลัดเปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ เพื่อจะปรับลดโรงไฟฟ้าลิกไนต์ แต่ก็ต้องระวังเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราต้องไม่มีโรงไฟฟ้าลิกไนต์ ฉะนั้นต้องเข้าใจในทางเทคนิค หากคุณบอกว่าใช้ไฟเท่าเดิม แต่คุณเปิดอุณหภูมิให้เย็นขึ้นไปอีก เครื่องมันทำงานหนัก มันก็กินไฟฟ้าไป 3 เท่า นี่คือข้อเท็จจริง ไม่ใช่คำแก้ตัว ผมแก้ตัวอะไรไม่ได้ แต่ผมชี้แจงข้อเท็จจริง ให้เห็นถึงปัญหาพลังงานในเวลานี้ ย้ำว่าต้องเข้าใจบริบททั้งหมด ไม่เช่นนั้นคุยกันยาก

ตามกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ต่อได้อีก 2 ปีภารกิจต่าง ๆ จะเดินไปได้อีกแค่ไหน

ผมย้อนกลับไปว่าก่อนที่ผมจะเข้ามา ก็มีรัฐบาล มีนายกฯ อะไรที่ดีผมก็ทำต่อทำให้ดีขึ้นด้วยซ้ำ และหลังจากที่ผมอยู่ 2 ปี ต่อไปต้องมีรัฐบาล และสิ่งที่ผมทำเหล่านี้ก็จะส่งมอบไปให้เขาไปทำต่อให้ดีขึ้น เขาจะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็เรื่องของเขา ถ้าไม่มียุทธศาสตร์ในการทำงาน ต่างคนต่างทำ ผลงานมันจะออกมาหรือไม่ 8 ปีที่ผ่านมา ถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้ ผลงานผมออกมากกว่าเยอะหรือไม่ หลายคนบอกว่าผมกู้เงิน แต่ผมกู้เงินมาเพื่อมาทำตรงนี้ แล้วมาเจอโควิด-19 มีใครเจอแบบผมหรือไม่ และเจอสงครามความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ รัฐบาลไหนเคยเจอแบบนี้หรือไม่

ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาล พอเราเปิดประเทศต่างชาติก็เข้ามา นี่คือข้อดีที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว เรามีความพร้อมในเรื่องการรักษาพยาบาล หมอเก่ง โรงพยาบาลเรามีเยอะ รายได้ก็เข้าประเทศเยอะ ขณะที่เรื่องฟื้นความสัมพันธ์ไทยกับซาอุดีอาระเบีย มีการลงทุนเข้ามา 3 แสนกว่าล้านบาทแล้ว ผมทำจนสำเร็จ วันนี้มีความร่วมมือกันหลายอย่าง นี่คือการหารายได้เข้าประเทศ ถ้ามองว่าเราจะเก็บภาษีจากประชาชนแทบจะไม่ได้เลย ได้จากภาษีแวตอย่างเดียว ถ้าเอาเงินจากตรงนั้นมาโปะตรงนี้ นี่คือการกระจายรายได้ กระจายงบประมาณ เพราะถ้าไปแยกแต่ละจังหวัดทำกันเอง รายได้ไม่เท่ากัน เขาพัฒนาไม่ได้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนวันนี้เงินทั้งหมด ถ้าเอาภาษีทั้งหมดมากองรวมกันแล้วแยกบริหาร และกระจายไปให้ได้มากที่สุด คือ ต้องอย่าคิดง่ายจนเกินไป ถ้าคิดง่ายเกินไป มันไม่ใช่การบริหาร เราต้องมีเงินในกระเป๋าซ้ายมาใช้ในกระเป๋าขวา

วันนี้โลกมันเปลี่ยนไปหมด แต่เราจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่มีรายได้เหมือนเดิม เราค่อย ๆ พัฒนาให้เขาให้เขาอยู่รอดและพอเพียงและเพิ่มคำว่ายั่งยืน เพื่อจะได้ปลดภาระดูแลเรื่องรัฐสวัสดิการให้ลดลง แล้วนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศให้มากยิ่งขึ้น ให้คนเข้มแข็งด้วยตัวเอง นี่คือวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำรัฐบาล คือ ประเทศมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนเพราะความมั่นคง ก็สำคัญ แต่ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารอย่างเดียว ต้องทั้งเศรษฐกิจและสังคมด้วย มั่นคงคือประเทศมั่งคั่ง ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ยั่งยืน คือ ทุกคนดีขึ้นหมด และดูแลตัวเองได้ ภาษีก็จะกลับมาเป็นรายได้ของรัฐ และรัฐก็พัฒนาทุกอย่างที่ขาดแคลนเติมให้เต็ม แต่สิ่งสำคัญวันนี้ต้องระมัดระวังโลกยุคใหม่ ผมก็ได้ให้แนวนโยบายไปคิด ไม่ใช่ว่าผมเก่งคนเดียว ผมให้คนเก่งมาอยู่ข้างตัว คนเก่งเยอะ แต่ต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่หาผลประโยชน์ ผมฟังเขา แต่ถ้าคนไม่ดี ผมก็ไม่อยากฟัง แต่ผมก็ต้องฟังเขาอยู่บ้าง เพราะว่าคนไทยด้วยกัน จะไปรังเกียจกันได้อย่างไร

“วันนี้ไปดูผลงานมันเยอะ ตั้งแต่อยู่มาผมอยากจะบอกให้ทุกคนสบายใจว่า สิ่งที่เราทำวันนี้คือ เราต้องหาเงินเติมกระเป๋าซ้ายให้มากขึ้น ทุกอย่างกำลังเกิด กำลังเติมให้เต็ม มันถึงจะเอาเงินจากกระเป๋าซ้าย ไปใช้กระเป๋าขวาได้ หลายคนต้องการความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่เราก็จะต้องรู้จักวิธีการหาเงิน ไม่ใช่รู้แต่วิธีการใช้เงินเพียงอย่างเดียว จะต้องหาเงินให้เป็น วันนี้วิธีหางบประมาณของเรา คือ การระดมการลงทุนในประเทศของเรา และการลงทุนจากต่างประเทศ เก็บภาษีมันก็ไม่ได้มากนัก ซึ่งสถานะทางการเงินของประเทศเรายังดีอยู่ธนาคารไม่ล่มสลาย ขณะที่ต่างประเทศล้มไปแลว้ หลายประเทศ ซึ่งเรารักษาเสถียรภาพการเงิน การคลังของเราได้อย่างแข็งแกร่ง และได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และในปี 2569 จะมีการประชุมธนาคารโลกที่ประเทศไทย แสดงว่าเขาไว้ใจเราและเขาจับตาดูอยู่ ฉะนั้น ผมจึงเป็นห่วงว่าจากนี้ถึงปี 2569 มันจะเรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเป็นกังวล”

ภาพในอนาคตในอีก 5-10 ปี ถ้าคนไทยเดินตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นอะไรข้างหน้า

เรามีแผนตามหัวข้อให้แล้ว ย้ำว่าเรื่องดังกล่าวผมไม่ได้ทำให้ตัวผมเอง ผมทำให้คนทั้งประเทศ และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 8 ปี มันเดินหน้าไปหลายเรื่อง ถ้าประเทศไทยมีรัฐบาลที่มั่นคงและอยู่ได้นานหน่อย ไม่ใช่ 1 ปีเปลี่ยน 2 ปีเปลี่ยนอีกแล้ว มันไม่มีต่อ ไม่มีใครกล้าทำโครงการขนาดใหญ่ แต่ผมทำได้ ทำไมผมทำได้ เพราะยุทธศาสตร์ ถ้าไม่มียุทธศาสตร์ก็ทำกันสะเปะสะปะไปหมด ไม่ต่อกัน ฉะนั้น การเมืองขอให้ทำแบบนี้ ให้ความเป็นธรรม

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานชิ้นโบแดงในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นผลงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนในเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาปากท้องสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสังคม เหล่านี้ผลงานเริ่มผลิดอกออกผล ด้วยการทำงานแบบอิมพลีเมนต์เดินหน้าทำผลงาน ไม่ได้เน้นทำเหมือนงานอีเวนต์ แต่ทำให้เกิดความยั่งยืนระยะยาว ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ และสุดท้ายตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดคือผลการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 นี้.