สนามการเมืองของ จ.สกลนคร ที่มีทั้งนักการเมืองแชมป์เก่าหลายสมัย อดีตนักการเมืองท้องถิ่น และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ลงสนามเลือกตั้งขันอาสาเป็นผู้แทนเข้าไปเป็นปากเสียงให้กับประชาชน ซึ่งสำหรับบางเขตมีผู้สมัคร ส.ส. มากสุด 17 คน และกว่า 17 พรรค โดยพื้นที่ จ.สกลนคร มี ส.ส.แบบแบ่งเขต จำนวน 7 เขต เป็นฐานคนเสื้อแดงคอยสนับสนุน จึงมีแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทย ปักธงไว้ยกจังหวัดมาหลายสมัย ตั้งแต่พรรคพลังประชาชน จนถึงปัจจุบัน พรรคเพื่อไทย แน่นอนว่าทำให้เกิดการปลุกกระแสประชาชนอยากเปลี่ยนผู้แทนหวังให้บ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าเดิม สำหรับการเลือกตั้งปี 66 นี้ เป็นการเลือกแบบกา 2 ใบ คือ 1 ใบ เลือก ส.ส. ส่วนอีก 1 ใบเลือกพรรคการเมือง จึงต้องมาวิเคราะห์เจาะลึกว่าผู้สมัคร ส.ส. ที่ขันอาสามารับใช้ประชาชนเป็นปากเสียงให้ประชาชนนั้นแต่ละเขตมีใครกันบ้าง
เขต 1 พื้นที่อำเภอเมือง มีตัวเต็งแชมป์เก่ายังเหนียวอย่าง นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย เบอร์ 5 สังกัดพรรคเพื่อไทย ครองแชมป์ในพื้นที่เป็น ส.ส. มานานกว่า 7 สมัย ซึ่งจากตลอดครึ่งชีวิตมีตำแหน่งทางการเมืองมายาวนาน พร้อมทั้งลงพื้นที่เข้าหาพี่น้องประชาชนตลอดเวลา ด้าน นายสิรภพ สมผล เบอร์ 3 สังกัดพรรคไทยสร้างไทย และทีมโฆษกพรรคไทยสร้างไทย คนรุ่นใหม่ดีกรี อดีต ส.อบจ. นักแสดง และทายาททางการเมืองอย่าง นายถนอม สมผล ซึ่งสานงานต่อจากพ่อแม่ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น จึงค่อนข้างมีฐานแฟนคลับเป็นกลุ่มใหญ่ และกลุ่มคนรุ่นใหม่คือ นายตวงสิทธิ์ พงษ์พิศ เบอร์ 2 สังกัดพรรคก้าวไกล น้องใหม่วงการทางการเมือง คาดว่าคะแนนน่าจะตามมาสูสีกัน เพราะแรงส่งจากพรรคก้าวไกล และจากกระแสคนรุ่นใหม่
สำหรับ เขต 2 พื้นที่อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอโพนนาแก้ว โดยมีตัวเต็งแชมป์เก่าอย่าง นายนิยม เวชกามา เบอร์ 1 สังกัดพรรคเพื่อไทย ครองเก้าอี้ ส.ส. มานาน 4 สมัย มีบทบาทด้านออกมาปกป้องพุทธศาสนา และปากท้องชาวบ้านนำปัญหาประชาชนเข้าอภิปรายถามตอบกระทู้ในสภามากถึง 280 ครั้ง ผลงานจึงโดดเด่นได้ใจชาวบ้าน ส่วน น.ส.กัญญาภัค ศิลปะรายะ เบอร์ 11 สังกัดพรรคภูมิใจไทย อดีตนายก อบต.โพธิไพศาล และผู้สมัครนายก อบจ.สกลนคร ลงแข่งขันสนามการเมืองใหญ่ ปลุกกระแสเปลี่ยนผู้แทนฯ เข้ามารับใช้ประชาชน สร้างแรงกระเพื่อมเจ้าของเก้าอี้เดิมได้พอสมควร อีกหนึ่งคนที่น่าจับตามองคือ นายกฤษณะ พุฒซ้อน เบอร์ 5 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ครั้งแรกบนสนามการเมืองใหญ่ของผู้สมัครรายนี้ ที่มีกระแสจากพรรคและมีวิสัยทัศน์ทางการเมืองอยากรับใช้ประชาชน
เขต 3 พื้นที่อำเภออากาศอำนวย อำเภอพรรณานิคม อำเภอเมืองสกลนคร (บางส่วน) ซึ่งเป็นเขตที่ถูกจัดสรรขึ้นมาใหม่ โดยมีสายเลือดทายาทนักการเมืองอย่าง น.ส.จิรัชยา สัพโส เบอร์ 9 สังกัดพรรคเพื่อไทย น้องใหม่มาแรงด้วยกระแสพรรคพร้อมทั้งมี นายพัฒนา สัพโส อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หนุนหลังคอยลงพื้นที่แนะนำหลายเวทีปราศรัย ขณะเดียวกันถึงแม้จะเป็นหน้าใหม่ทางการเมืองยังมี นายถนอม สมผล เบอร์ 4 สังกัดพรรคไทยสร้างไทย อดีตนักการเมืองท้องถิ่น มีฐานเสียง ครั้งนี้โดดมาลงแข่งขันกับทายาทเจ้าของพื้นที่อย่าง น.ส.จิรัชยา สัพโส เรียกได้ว่าต้องทำการบ้านแข่งกันดุเดือดเลยก็ว่าได้ แต่ที่วางใจไม่ได้กับ นายอภิลักษณ์ เคนไชยวงศ์ เบอร์ 8 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตข้าราชการ และอดีตผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 6 เมื่อคราวเลือกตั้งปี 62
เขต 4 พื้นที่อำเภอกุดบาก อำเภอวาริชภูมิ อำเภอภูพาน อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอส่องดาว มี นายพัฒนา สัพโส เบอร์ 3 สังกัดพรรคเพื่อไทย แชมป์เก่าล้มยากฐานแฟนคลับคนเสื้อแดงที่เหนียวแน่นรักเดียวใจเดียว แต่ยังคงต้องจับตามองไปที่ นายสาคร พรหมภักดี เบอร์ 7 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส. 5 สมัย มาลงแข่งบนสนามการเมืองเขต 4 วัดบารมีกัน ด้วยเสียงเรียกร้องจากประชาชนว่าคิดถึง ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 66 พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเวทีปราศรัย โดยการนำของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หวังเจาะฐานเสียงภาคอีสาน ที่ อ.พังโคน จ.สกลนคร มีประชาชนมาร่วมฟังจำนวนมาก โดยมี นายสาคร พรหมภักดี เป็นหัวเรือใหญ่ของ จ.สกลนคร คนมาฟังจำนวนมากเรียกได้ว่าข่มขวัญคู่แข่งได้พอสมควร ขณะที่ นายขจรศักดิ์ เบ็ญชัย เบอร์ 5 สังกัดพรรคก้าวไกล คนรุ่นใหม่เน้นลงพื้นที่นำนโยบายส่งถึงมือประชาชนที่น่าจับตามองเพราะว่าเป็นฐานเสียงฝ่ายประชาธิปไตย
ขจรศักดิ์ เบ็ญชัย วงศ์อะเคื้อ บุญศล
เขต 5 พื้นที่อำเภอสว่างแดนดิน เฉพาะตำบลท่าศิลา เขตนี้ต้องจับตามองให้ดีพอ ๆ กับเขต 2 เพราะมีทั้งทายาททางการเมือง และอดีตนายก อบจ.สกลนคร ลงแข่งขันทั้งจากกระแสพรรค และกระแสเปลี่ยนอำเภอเป็นจังหวัด มาดูกันที่คนแรก น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล เบอร์ 5 สังกัดพรรคเพื่อไทย อดีต ส.อบจ.สกลนคร ทายาทนักการเมืองอย่าง นายพงษ์ศักดิ์ บุญศล แต่โดนตัดสิทธิใบแดง จนมีเลือกตั้งซ่อม และ นางอนุรักษ์ บุญศล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย 3 สมัย ขึ้นเป็น ส.ส. พอหมดสมัยจึงส่งไม้ต่อให้ น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ทั้งนี้ คลาดสายตาไม่ได้คือ นายชัยมงคล ไชยรบ เบอร์ 4 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ อดีตนายก อบจ.สกลนคร หลายสมัย มาครั้งนี้ในเสื้อพรรคพลังประชารัฐ นอกเหนือจากนโยบายของพรรคแล้ว ยังชูนโยบายที่ถูกอกถูกใจประชาชน ผลักดันอำเภอสว่างแดนดิน เป็นจังหวัด และตามมาติด ๆ น.ส.ธัญญ์ลภัสส์ โสรินทร์ เบอร์ 2 สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ทายาทอดีตนักการเมือง ลงช่วงชิงเก้าอี้ อาศัยกระแสพรรค และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หวังโกยคะแนนฝ่ายอนุรักษนิยม
ธัญญ์ลภัสส์ โสรินทร์ ชัยมงคล ไชยรบ
เขต 6 พื้นที่อำเภอพังโคน อำเภอเจริญศิลป์ อำเภอวานรนิวาส มี น.ส.สกุณา สาระนันท์ เบอร์ 6 สังกัดพรรคเพื่อไทย เจ้าของเก้าอี้เดิมและทายาท นายเสรี สาระนันท์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในหลายครั้งนำปัญหาประชาชนเข้าอภิปรายถามตอบกระทู้ในสภาจนได้ใจประชาชน ต่อมา นายวีระศักดิ์ พรหมภักดี เบอร์ 8 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายก อบจ.สกลนคร และน้องชาย นายสาคร พรหมภักดี อดีต ส.ส. 5 สมัย และผู้สมัครเขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าน่าจะได้คะแนนเสียงจากการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ไม่มากก็น้อย และคนสุดท้ายในเขต 5 นายปิยะศักดิ์ เดชทองทิพย์ เบอร์ 4 สังกัดพรรคก้าวไกล คนรุ่นใหม่ไฟแรงลงพื้นที่ชูนโยบายพรรคหวังคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่รักอุดมการณ์
นิยม เวชกามา
เขต 7 พื้นที่อำเภอบ้านม่วง อำเภอคำตากล้า อำเภอวานรนิวาส (บางส่วน) มี นายเกษม อุปะระ เบอร์ 3 สังกัดพรรคเพื่อไทย เจ้าของเก้าอี้เดิมมีฐานคะแนนเสียงเหนียวแน่นจากการลงพื้นที่ และการเลือกตั้งปี 66 นี้ ยังมี นายอิสรพงษ์ อุปะระ ลูกชายเข้ามาเป็นผู้ช่วยหาเสียงขึ้นเวทีปราศรัย ซึ่งคาดว่า นายเกษม อุปะระ น่าจะมีการส่งไม้ต่อทางการเมืองให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ส่วน นายอภิชิต ถาบุตร เบอร์ 1 สังกัดพรรคก้าวไกล น่าจับตามองเพราะจากกระแสพรรคและเสียงตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี อาจจะมาตัดคะแนนแชมป์ไม่มากก็น้อย สุดท้ายที่พลาดไม่ได้เลย นายพราหมณ์รพี พรหมชาติ เบอร์ 2 สังกัดพรรคไทยสร้างไทย อดีตนักเคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดงหรือ นปช.น่าจะแย่งชิงคะแนนจากฝ่ายประชาธิปไตยได้พอสมควร
อย่างไรก็ดี ในพื้นจังหวัดสกลนครนั้นเดิมทีในอดีตมีนักการเมืองและนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อยู่เป็นพื้นฐาน เห็นได้จากการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเช่น พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกให้นั่งเก้าอี้ ส.ส. มาหลายสมัย และการเลือกตั้งปี 2566 ที่จะมาถึงนี้ คาดว่าจากเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยจะยังปักธงยกจังหวัด.