ใช่เลย ประชาธิปไตยจอมปลอม ปิดปาก ห้ามวิจารณ์ ทำไมที “นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท” ใส่กระเป๋า 50 ล้านคน 5 แสนล้านบาท ปั๊มชีพจรเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของ พรรคเพื่อไทย ถึงได้ถูกรุมกระหน่ำ ก็เพราะเป็น “นโยบายสาธารณะ” ไง ใครก็ชำแหละได้ พรรคเพื่อไทยเป็นตัวตึง “ขายนโยบาย” ไม่ “ขายน้ำลาย” นโยบายแสนยาก อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้านละล้าน, หวยบนดิน, โอทอป, 1 อำเภอ 1 ทุน และอีกมากมาย ถ้าไม่ถูกพวกขี้อิจฉาทำลายล้าง ป่านนี้ประเทศชาติคงก้าวหน้าไปไกลแล้ว

ไม่คิดใหญ่ ทำเป็น ก็ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยสิ?!?

แล้วทำไม นโยบายกัญชาเสรี ที่พรรคภูมิใจไทยใช้หาเสียงถึงแตะต้องไม่ได้ประชาชนจึงดีใจที่ในที่สุด ศาลอุทธรณ์ก็สั่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง กรณีห้ามเสี่ยอ่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกัญชาเสรี

ย้อนความไปก่อนหน้านั้น ทันทีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ประชาชนต่างเฝ้ารอว่า เสี่ยชูวิทย์คงจะจนมุมแล้ว เมื่อ นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศชัยชนะทันที แต่ทันใดนั้นเอง เสี่ยอ่าง ชูวิทย์ กลับมาพร้อม “พร็อพ” เต็มรูปแบบ สวมแว่นดำ พลาสเตอร์ปิดปาก ใส่เสื้อดำ ด้านหน้าคือหน้าตัวเอง ด้านหลังมีตัวหนังสือ ต่อต้านกัญชาเสรี แถลงข่าวที่ รร.เดวิสของตัวเอง พร้อมบอกว่าไม่ถอย และจะยื่นอุทธรณ์ต่อ จนนำมาซึ่งคำสั่งศาลอุทธรณ์ในที่สุด

เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า ไม่ให้ราคาคนอย่างนายชูวิทย์ ที่จำเป็นต้องพึ่งศาล เพราะนายชูวิทย์ให้ร้ายด้อยค่านโยบายกัญชาเสรี แต่ประชาชนกลับเห็นว่า ถ้านโยบายดีจริงก็ไม่ต้องกลัวชูวิทย์

นโยบายสาธารณะต้องถกเถียงสู้กันด้วยเหตุผล ตัวเลข ที่มา ที่ไป ข้อมูลที่อ้างอิงได้ มิใช่การปิดปาก

ดังนั้น ใครที่ได้ฟังเสี่ยอ่างแถลงข่าวเต็ม ๆ จาก YouTube จึงยิ่งประทับใจผู้ชายคนนี้ที่สื่อสารได้ยอดเยี่ยม กัดไม่ปล่อย แถมมีลีลา มีพร็อพพร้อมพรั่ง การแถลงข่าวแต่ละครั้งจึงเร้าอารมณ์ ไม่น่าเบื่อตรึงคนฟังไว้ได้ ข้อมูลที่ต่อต้านกัญชาเสรี ไม่ได้พูดลอย ๆ แต่มีเอกสารจากสมาคมจิตแพทย์สหรัฐ (อย่าลืมว่า นายชูวิทย์จบปริญญาตรี ธรรมศาสตร์ และปริญญาโทจากสหรัฐ ภาษาอังกฤษจึงมิใช่ปัญหา) และสมาคมจิตแพทย์ไทยมายืนยันว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ว่า กัญชารักษาโรคจิตเวชได้แม้แต่โรคเดียว ตรงข้ามเสพกัญชาแล้วกลับมีอาการเพ้อคลั่ง คุมสติไม่อยู่ หูแว่ว หวาดระแวง เป็นอันตรายกับคนอื่น ยืนยันจากสื่อไทยมากมายช่วงที่ผ่านมา

เสี่ยชูวิทย์ยันไม่ได้ค้านกัญชาเพื่อการแพทย์ ยืดอกยอมรับ ตอนแรกเห็นด้วย รร.เดวิสของตน จึงมีร้านขายกัญชาด้วย แต่เมื่อเห็นไม่ดี ก็เตรียมยกเลิกสัญญาสิ้นเดือนนี้ เค้ายังบอกว่า วันนี้เป็นนักเคลื่อนไหวประเด็นสาธารณะ เรื่องส่วนตัว 80 มีเมียน้อยไม่ยุ่ง แม้ถูกทำลายเครดิต จะยึดที่ดินของตนคืน “จนไม่มีนักลงทุนที่ไหนเอากับผมด้วย” มีแต่ความเหนื่อยล้า แต่…

ผมสู้เพราะเป็นสิทธิพลเมือง ผมมีหลักการ ไม่ได้ไปปิดถนน ปิดสี่แยกกับใคร สู้ตัวคนเดียว ขอแค่วันที่ผมเดินจาก มีคนมาระลึกว่า มีคนจริงที่กล้าออกมาสู้” เสี่ยอ่างบอก กาลเวลาจะพิสูจน์เอง รวมทั้งเรื่องเงิน 6 ล้านจากสารวัตรซัว เจ้าของเว็บพนันออนไลน์

คนอย่างชูวิทย์ใครก็รู้เคยทำ “ธุรกิจอาบอบนวด” มาก่อน เป็น “ธุรกิจสีเทา” ชัดเจน แต่คงเพราะคนไทยเบื่อพวก “หน้ากากคนดีย์” เต็มทน ที่มักจอมปลอม แต่ชูวิทย์กลับยอมรับไม่ใช่คนดี แถมเป็นสีเทา ก็น่าคิดทำไมยังมีแฟนคลับมากมาย อาจเพราะเค้าไม่มีอะไร
จะเสีย จึงกล้าลุยทุนสีเทา ทลายขบวนการตู้ห่าว ที่โยงตำรวจใหญ่ ดีเอสไอ ป.ป.ส. และหน่วยงานอื่นอีกมากมาย จนสังคมชื่นชม เมื่อมาลุยกัญชาเสรีอีก จึงได้ใจพ่อแม่ผู้ปกครองที่ห่วงใยลูกหลานรวมทั้งประชาชนทั่วไป

ที่น่าสนใจสุด ๆ คือ เรื่องที่เสี่ยชูวิทย์บอกว่า จะรณรงค์ให้พรรคการเมืองบอกจุดยืนให้ชัดเจนก่อนเลือกตั้งว่า จะอยู่ฝ่ายไหนแน่ ซื้อของยังต้องเลือกก่อนเลย ไม่ใช่เลือกตั้งเสร็จ แทงผิด ก็ไปซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ เอาเงินออกมาแทงฝั่งที่ถูกอีก ต่อจากนี้การรณรงค์จะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และ หลัง 14 .. 66 เลือกตั้งเสร็จ เค้าจะเดินหน้ารณรงค์ต่อจนกว่าจะได้ รบ. ที่ประชาชนต้องการองคุลิมาลยังกลับตัวจนได้เป็นพระอรหันต์ ทำไมเสี่ยอ่างจะเป็นนักเคลื่อนไหวของประชาชนไม่ได้

นี่ย่อมเป็นอีกก้าวสำคัญของคนอย่างเสี่ยอ่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์…มาคอยดูกันต่อไป

——————-
ดาวประกายพรึก