ยุคเทวีสงกรานต์ถือพระขรรค์ควบควาย

นอกจากคำทำนายอิงประกาศสงกรานต์

มาดู ดวงเมืองไทยเมื่อเข้าสู่ปีใหม่ไทย

ทั้งนี้ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ สะท้อนคำทำนายผ่านมาทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ทั้งส่วนที่ยึดโยงสงกรานต์ และส่วนที่เป็นการวิเคราะห์ “เกณฑ์อิทธิพลดาว” ซึ่งกับส่วนหลังนี่ “คำทำนายดวงเมืองไทยเมื่อเข้าสู่ปีใหม่ไทย” โดยสังเขปมีดังนี้คือ… จะยังคงเกิดทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายจากอิทธิพล “ดาวมฤตยู” ที่จะอยู่ตรงราศีพฤษภไปอีกเกือบ 7 ปี โดยมฤตยูเป็นดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ไหนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่นั่น ซึ่งทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายที่จะเกิดมักเกี่ยวกับ เศรษฐกิจ ภาษี การเงิน การคลัง การลงทุน ตลาดหุ้น สถาบันการเงิน บุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลทางการเงินการคลัง รวมถึงการออกกฎหมาย การลงมติอะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับด้านการเงิน …ซึ่งย้ำว่าจะ “มีทั้งดี-ทั้งร้าย”

ทาง อ.ภิญโญ สะท้อนต่อถึงเกณฑ์อิทธิพล “ดาวเสาร์” ที่โคจรอยู่ในราศีกุมภ์ เรือนลาภะของดวงเมือง โดยระบุว่า… งานรัฐสภาที่จะเกิดใหม่จะมีความเจริญก้าวหน้า ถึงแม้ต้องเผชิญปัญหา-เผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน แต่ความสำเร็จก็จะมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็จะ “มีทั้งดี-ทั้งร้าย” โดยในทางดีนั้น ร่าง พ.ร.บ. เกี่ยวกับการเงินจะดำเนินไปอย่างน่าพึงพอใจ ขณะที่ในทางร้าย เมื่อเกิดมีสัมพันธ์ร้ายกับ “ดาวบาปพระเคราะห์” ในบางช่วง การบัญญัติกฎหมายก็จะมีปัญหา เกิดการชะงัก-ชักช้า…

“จะเกิดความเสียหายกับ พ.ร.บ.บางฉบับ เกิดความไม่พอใจขึ้นในพรรคที่กุมกำลังหรือคะแนนเสียง จะเกิดความยุ่งยากต่าง ๆ ตามเกณฑ์ของดวงดาวที่เข้ามาสัมพันธ์…” …นอกจากนี้ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติก็ยังระบุในส่วนที่เกี่ยวกับการเมือง คะแนนเสียง การเลือกตั้ง ว่า…“ต้องระวังเรื่องคะแนนเสียง การลงคะแนนเสียง…

และเรื่องเลือกตั้งอาจจะมีปัญหา…

อาจต้องเลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งซ่อม

ถัดมา…กับคำทำนาย “ดวงเมืองไทยเมื่อผ่านสงกรานต์เข้าสู่ปีใหม่ไทย” จากการวิเคราะห์ “ตามเกณฑ์อิทธิพลดาว” ทางโหรท่านเดิมยังทายทักจากเกณฑ์ “ราหู” ซึ่งในทางโหราศาสตร์ดวงดาวก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง “ดาวที่สำคัญ” โดยระบุว่า… ขณะนี้ราหูโคจรอยู่ตรงราศีเมษ ทับลัคนาเมือง โดยราหูจะอยู่ราศีเมษถึงวันที่ 17 ต.ค. 2566 “ราหูเป็นบาปพระเคราะห์ เปรียบเหมือนจอมอสูร หมายถึงความมืด โมหะ มัวเมา อบายมุข การพนัน สิ่งที่ผิดศีลธรรม เป็นดาวที่ให้โทษมากกว่าให้คุณ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะมีอิทธิพลครอบงำดวงเมืองอยู่ ตราบใดที่ราหูยังอยู่ในราศีเมษ”

และนอกจากนี้… ราหูกำลังทับพระอาทิตย์ในดวงเมือง พอราหูทับจึงเกิดปัญหากับพระอาทิตย์ในดวงเมือง เพราะฉะนั้นจึงมีเกณฑ์สูญเสีย การเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลง” …นี่เป็นอีกส่วนจากคำทำนายที่ “ยึดโยงการเมือง”

อีกประการสำคัญคือ… ราหูอยู่ตรงราศีเมษทำให้ เกิด “อุปราคา” หรือ “คราส” ขึ้น 4 ครั้ง ครั้งแรกจะเกิดแบบผสม มีคราสหลายอย่างผสมกัน มีทั้งคราสที่เห็นเต็มดวง คราสวงแหวน และคราสบางส่วน ในวันที่ 20 เม.ย. 2566 เวลา 11.16 น. อยู่ในราศีเมษ อยู่ที่ระยะ 5 องศา 39 ลิปดา “จะมีภัยธรรมชาติต่าง ๆ เกิดขึ้น ที่รุนแรงและน่ากลัว” โดยเหตุการณ์จะก่อให้เกิดผลขึ้นอย่างรวดเร็วและจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน และก็ยังมีผลก่อกวนด้านการต่างประเทศ จะนำความยุ่งยากสู่ผู้ปกครองหรือรัฐบาล ประชาชน เกิดความผันแปรทางการเมือง การค้า ทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหาย

“การเกิดอุปราคาในราศีเมษที่เป็นราศีธาตุไฟ จะเกิดเหตุการณ์สาธารณะที่น่าตื่นเต้น มีการก่อกวน มีคดีฆาตกรรมสำคัญเกิดขึ้น เกิดความขัดแย้ง นำมาซึ่งการเคลื่อนไหวของกองทัพ-กองกำลัง การสูญเสีย และยังอาจหมายถึงเกิดการรัฐประหาร ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล-ผู้ปกครอง เกิดความอับโชคต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และต่อความสำเร็จของประเทศชาติ จะเกิดความวุ่นวาย ชนชั้นกรรมกร-ประชาชนคนส่วนใหญ่เกิดความเดือดร้อนไม่พอใจ เกิดการประท้วง…” …ทาง อ.ภิญโญ ระบุ อีกทั้งยังได้ทำนายทายทักมาด้วยถึงเกณฑ์ “ดาวพฤหัสบดี” ที่ทางโหรถือเป็นดาวพระเคราะห์ที่ให้คุณ คุ้มครองชะตาบ้านเมืองไม่ให้เกิดเหตุร้าย แต่…เมื่อ “ผ่านสงกรานต์เข้าสู่ปีใหม่ไทย” ปีนี้…

“ดาวพฤหัสฯ จะย้ายราศีวันที่ 19 เม.ย. 2566 โดยปีนี้ ดาวพฤหัสฯ เป็นกาลกิณี… จะเกิดการบังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง หรือใช้ความเข้มงวดเฉียบขาดเรื่องระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในการรักษาความสงบ และยังส่งผลกระทบเรื่องศาสนา วัดวาอาราม วงการศึกษา วงการแพทย์ และวงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับดาวพฤหัสฯ ก่อให้เกิดความตึงเครียด และดาวพฤหัสฯ ยังสวนทางกับราหูในราศีเมษ เกิดการประชันโฉม เปรียบเทียบ การเมืองยังแบ่ง 2 ฝ่าย ชัดเจน”

นี่คือ “ดวงเมืองไทยเมื่อเข้าสู่ปีใหม่ไทย”

ตามเกณฑ์นี้…“การเมืองยังเป็นปัญหา”

เช่นนี้…“คนไทยก็ยังต้องทำใจต่อไป??”.