ซึ่งในการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนั้น เป็นการแข่งขันระหว่าง น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นภรรยาของ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกชาย” กับ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ หรือ “เสี่ยโบ๊ต” ตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ลูกชายของ นายอนันต์ พฤกษานุศักดิ์ “คหบดี” ของ อ.สะเดา จ.สงขลาและ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสะเดา หุ้นส่วนบริษัท ”ศรีตรัง” ผู้ค้ายางและส่งออกยาง รายใหญ่ของประเทศไทย
ในอดีตเขตเลือกตั้งที่ 6 ประกอบด้วย อ.สะเดา ยกเว้น ต.สำนักขาม ต.สำนักแต้ว อ.คลองหอยโข่ง ทั้งหมด และ ต.บ้านพรุ ต.พะตง อ.หาดใหญ่ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.มีการ แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ พื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 6 คือ อ.สะเดา และ อ.คลองหอยโข่ง ทั้งหมด ทำให้การ “หาเสียง” การลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนของผู้สมัครมีความสะดวกขึ้น ที่สำคัญในการ เลือกตั้งซ่อม เมื่อปี 2564 แม้ว่า นายถาวร เสนเนียม เจ้าของพื้นที่หลายสมัย จะไม่ได้ลงรับเลือกตั้ง แต่นายถาวร ก็ประกาศให้การสนับสนุน นายอนุกูล ซึ่งเป็นผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐให้ได้เป็น ส.ส.อย่างเปิดเผย ทั้งที่ นายถาวร เป็นอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง “นายกชาย” ให้เข้าพรรคประชาธิปัตย์ จนได้เป็น ส.ส.เขต 5 จ.สงขลา ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สุดท้ายการเลือกตั้งครั้งนั้น จบลงที่ น.ส.สุภาพร กำเนิดผล จากพรรคประชาธิปัตย์ เอาชนะ นายอุกูล พฤกษานุศักดิ์ ไปถึง 4,000 กว่าคะแนน และเป็นการชนะอย่าง “ถล่มทลาย” ในพื้นที่เล็กอย่าง อ.คลองหอยโข่ง ส่วน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ชนะในพื้นที่ใหญ่ในเขตเทศบาลอำเภอสะเดา แต่เป็นการชนะที่ “ไม่ขาด”
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ยังมีมติส่ง ส.ส.สุภาพร กำเนิดผล ลงสมัครในเขต 6 เช่นเดิม ซึ่งเหมือนกับเป็นการลง “ป้องกันแชมป์” กับคู่ชิงคนเดิม คือ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ซึ่งยังคงสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ “ลุงป้อม” เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นผู้สมัครคนเดียวของ จ.สงขลา จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่มีการ “ย้ายพรรค” ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ลุงตู่” รักษาการนายกรัฐมนตรี โดย “เสี่ยโบ๊ต” ได้รับการปูนบำเหน็จ ในความจงรักภักดี กับ “ลุงป้อม” ด้วยการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของ “ลุงป้อม”
ในการเลือกตั้งครั้งนี้แต่เลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ ไม่เหมือนกับการ “เลือกตั้งซ่อม” เมื่อ 2 ปีก่อน เพราะ นอกจาก “ส.ส.น้ำหอม” และ “เสี่ยโบ๊ต” ที่เป็น “คู่ชิง” ในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาแล้ว ยังมีผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่น ๆ ลงสมัครในพื้นที่ เขต 6 อีกหลายพรรค และหนึ่งในหลายพรรคที่กล่าวมามี นายภูวดล (อั๋น) วงษ์โสภณากุล ซึ่งลาออกจากการเป็น เลขานุการนายก อบจ.สงขลา มาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในเขตที่ 6 โดยสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติของ “ลุงตู่” และที่สำคัญคือมี นายถาวร เสนเนียม ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยภักดี ประกาศให้การ สนับสนุน นายภูวดล วงษ์โสภณากุล เช่นเดียวกับที่เคยให้การสนับสนุน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ มาแล้วในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อ 2 ปีก่อน
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ น.ส.สุภาพร กำเนิดผล “ส.ส.น้ำหอม” หมายเลข 2 ซึ่งเป็น “เจ้าของพื้นที่” ยังมีแต้มต่อ เสี่ยโบ๊ต อยู่ หลายขุม เพราะ 2 ปี ของการเป็น ส.ส. “น้ำหอม” ลงพื้นที่ทำประโยชน์ แก้ปัญหา และพบปะ “มวลชน” โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้าน และสตรี มีประสบการณ์ของนักการเมืองที่ไม่ใช่ “ละอ่อนทางการเมือง” เหมือนกับ 2 ปีก่อน ที่ต้องอาศัยลมใต้ปีกของ “นายกชาย” ในการหนุนเสริมให้ได้เป็น ส.ส.ของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 6
ส่วน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ “เสี่ยโบ๊ต” หมายเลข 5 ในการเลือกตั้งครั้งนี้คงจะซึบซับบทเรียนของความพ่ายแพ้และคงจะทำการปิดจุดอ่อนตั้งแต่การตั้ง “ผู้อำนวยการเลือกตั้ง” และ “เสนาธิการ” รวมทั้งแม่ทัพในการบัญชาการรบในพื้นที่ ซึ่งจากการติดตามก็เห็นว่า “เสี่ยโบ๊ต” หลังจากที่พ่ายแพ้ในครั้งที่แล้ว ก็ไม่ได้หลบหน้าไป “เลียแผล” แต่อย่างใด แต่ “เสี่ยโบ๊ต” กลับ “มุมานะ” ลงพื้นที่ พบปะประชาชน สร้าง “เครือข่าย” และ “หัวคะแนน” ที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง ที่เป็นจุดอ่อนของ “เสี่ยโบ๊ต” เพื่อ “เสริมใยเหล็ก” ให้แข็งแกร่งพอที่จะต้านทาน การบุกตะลุยอย่างหนักของ “ส.ส.น้ำหอม” และ “นายกชาย” รวมทั้งทีมงานของประชาธิปัตย์ได้
ด้าน “รองอั๋น” นายภูวดล วงษ์โสภณากุล หมายเลข 6 หลานชาย “ถาวร เสนเนียม” ลงสมัครในพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อ โหนกระแส เรารัก “ลุงตู่” ของคนใต้ ซึ่งอาจเป็นการ “ทำลาย” คะแนนของ “ส.ส.น้ำหอม” มากกว่าการทำลายคะแนนของ “เสี่ยโบ๊ต” ซึ่งจะเป็นผลเสียให้กับ “ส.ส.น้ำหอม” ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประกอบกับเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่เหมือนเลือกตั้งซ่อมเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ “นายกชาย” เดิน “ย่ำเท้า” ในพื้นที่อย่างทั่วถึง แต่ครั้งนี้ “นายกชาย” คือ “ขุนทัพ” ของ “ประชาธิปัตย์” ในภาคใต้ ที่ต้องรับผิดชอบการเลือกตั้งถึง 40 เขต การสั่งการบางครั้งก็ไม่เหมือนการลงพื้นที่ด้วยตนเอง
แต่ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ “กระแส” ของ “ส.ส.น้ำหอม” ยังมี “เรตติ้ง” ที่เหนือกว่า “เสี่ยโบ๊ต” ในหลายพื้นที่ เช่น อ.คลองหอยโข่ง ต.ปาดังเบซาร์ ต.สำนักขาม ซึ่งหากมีการเลือกตั้งใน 7 วัน 10 วันนี้ “น้ำหอม” ก็จะรักษาแชมป์ในการเป็น ส.ส.เขต 6 สมัยที่ 2 ได้แน่ แต่เมื่อการเลือกตั้งคือวันที่ 14 พฤษภาคม เวลาอีกเดือนกว่า อาจจะมีความพลิกผัน ได้มากมาย และแม้แต่ “เสี่ยโบ๊ต” เอง ก็ต้องเข้าใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจาก “เสี่ยโบ๊ต” ที่ต้องชนกับ “ส.ส.น้ำหอม” แล้ว ยังมี ผู้สมัครจากพรรคอื่น ๆ อีกจำนวนมาที่มาเป็น “ตัวแปร” ในการ “แชร์คะแนน”ในพื้นที่ แต่ไม่ว่าอย่างไร “เกจิ” ทางการเมืองก็ “ฟันธง” ตั้งแต่ยังไม่ได้หมายเลขผู้สมัครว่า เขตเลือกตั้งที่ 6 เป็นเขตที่ “ดุเดือด” อีกเขตหนึ่งของ จ.สงขลา และเป็นการสู้กันระหว่าง “ส.ส.น้ำหอม” กับ “เสี่ยโบ๊ต” เพียงสองคน เท่านั้น ส่วนใครจะ “เข้าวิน” เป็น “ผู้แทนปวงชน” ได้ตามที่ต้องการอยู่ที่ “ปลายปากกา” ของ “ประชาชน”
ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล