นายเทวากร ทับทิมศรี หรือ เหม่ง อายุ 32 ปี หนุ่มไรเดอร์สู้ชีวิต ขาพิการ 2 ข้างมาแต่กำเนิด ไม่ท้อต่อโชคชะตา ดิ้นรนเพื่อแม่และน้อง เรียนจบระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หันมาขับแกร็บฟู้ดส่งของลูกค้าตั้งแต่เช้ายันดึก หวังมีรายได้จุนเจือครอบครัว ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ ดูแลน้องที่ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบ
“เหม่ง” อาศัยอยู่กับ น.ส.ภรณัท นันทิวรดล อายุ 60 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ด้วยความที่แม่อายุมากแล้ว ก็มีโรคประจำตัว เป็นความดันและเบาหวาน ขณะที่ นายภูริมาศ ทับทิมศรี อายุ 30 ปี น้องชาย ก็ป่วยเส้นเลือดในสมองแตกตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีอาการชักเกร็งอยู่เป็นประจำ ทั้งสามชีวิตอยู่กันที่หมู่บ้านคุณาลัย ซอย 2 บ้านเลขที่ 53/12 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
ตั้งแต่เล็กจนโต “เหม่ง” ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตมาโดยตลอด ไม่เคยท้อต่อโชคชะตา และไม่เอาความพิการมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต เขาตั้งใจเก็บเล็กผสมน้อย ฝันอยากมีร้านขายแซนด์วิช น้ำส้มคั้น เป็นของตัวเอง ก่อนหน้านี้ปี 2563 เหม่งเคยเป็นพ่อค้าขายน้ำส้มและแซนด์วิชที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่เนื่องจากโควิด-19 ระบาดหนัก ทางโรงเรียนจึงประกาศปิดการเรียนการสอน ของที่สั่งมาจึงขายไม่ได้ ทำให้ขาดทุนอย่างหนัก
ด้วยความที่ “เหม่ง” ไม่อยากเป็นภาระของแม่ จึงได้ไปขี่ไรเดอร์เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งก็มีอุปสรรคในการทำงานต่างจากคนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ อย่างเช่นต้องไปส่งของในห้างฯ บางทีเขาก็ต้องโทรฯ แจ้งให้ลูกค้าลงมารับของเอง เนื่องจากขาไม่ดี ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เข้าใจ บางทีเจอรถติด ก็จะขี่ช้าเพราะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ พอไปถึงก็ถูกลูกค้าบ่น แต่พอเห็นขาของเหม่งพิการ ลูกค้าก็ไม่ว่าอะไร
เรื่องราวของ “เหม่ง” มีคนชื่นชมเอาไปโพสต์ในโซเชียล น.ส.ลลิตา นิยมรัตน์ นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนนทบุรี ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท อีกทั้งยังประสานกับทางสถาบันสิรินธร เพื่อฟื้นฟูทางการแพทย์แห่งชาติ ให้ช่วยเหลือจัดทำรองเท้าสำหรับคนพิการให้เหม่ง ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหากเหม่งไม่ได้ใส่รองเท้าเฉพาะกับอาการพิการ ก็จะเป็นแผลกดทับอย่างที่เป็นอยู่ไม่หาย และขาทั้งสองข้างจะผิดรูปมากกว่าเดิม
“เหม่ง” เล่าว่า ตนพิการขาทั้ง 2 ข้างผิดรูปมาตั้งแต่เกิด เคยผ่าตัดเลื่อยกระดูกตรงข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง ตอนแรกหมอคิดว่า ถ้าเลื่อยขาดแล้วบิดให้ตรง ใส่เฝือกยิงเหล็กทะลุขา ผ่าตัดทุกอย่าง หมอก็พยายามทำมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล พอถอดเฝือกออก กลับมาเดินได้ไม่นาน สักพักข้อเท้าก็ค่อยๆ บิดกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ตนไม่เคยคิดน้อยใจในโชคชะตา ที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ตนหาเงินด้วยตัวเองมาโดยตลอด และในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องราวดีๆ อยู่เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อใส่ใจเรื่องการเรียนเป็นอย่างมาก อยากให้ลูกมีความรู้ติดตัว ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้อยู่กับครอบครัวตลอด แต่พ่อก็ส่งเงินให้ตนเรียนหนังสือ จนกระทั่งตนเรียนจบปริญญาตรี สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก”
เหม่ง กล่าวอีกว่า “ตอนนี้ตนตั้งใจทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะที่สุด โดยปกติทุกวันจะออกไปขับแกร็บตอน 10 โมง และเเวะเข้ามาดูน้องชายบ้างเป็นครั้งคราว ก่อนจะกลับไปวิ่งรถต่อ และเลิกงานประมาณเที่ยงคืน หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเงินค่าแรงประมาณ 200-300 บาทต่อวัน ก็ถือว่าพอประทังชีวิตอยู่ได้ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”
ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นตามลำดับ แต่สุดท้ายผลจากการทำงานอย่างหนัก จึงทำให้เท้าข้างขวาเป็นแผลกดทับ ต้องคอยล้างและทำแผลทุกวัน ตอนนี้ก็หวังว่าจะได้รองเท้าเฉพาะกับอาการพิการมาสวมใส่ อาทิตย์หน้าคงจะถึงคิวที่ตนต้องไปวัดขนาดเท้าแล้ว คงอีกไม่นาน ตนก็จะมีรองเท้าคู่ใหม่ที่เหมาะกับขาของตนสักที เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขาของตนก็จะค่อยๆ บิดเข้ามาอีก
สำหรับความหวัง เงินลงทุนขายน้ำส้มและแซนด์วิช อยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 บาท คงต้องรอความหวังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพราะตามโครงการกู้ยืมนั้น ตนยังไม่พร้อม ตนไม่อยากขี่รถแกร็บไปตลอด เพราะขาของตนเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุขึ้นเมื่อไหร่ แต่ถึงอย่างไร ตนก็จะสู้ต่อไป
“สุดท้ายนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตนขอเป็นกำลังใจให้ผู้พิการและผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองทุกคน ให้สู้กับอุปสรรคที่เจอ ขอแค่เราไม่ท้อและไม่ยอมแพ้ สักวันคงจะเป็นวันของเรา”
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : สาโรจน์ สว่างศรี จ.นนทบุรี
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..