ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ดุดันไม่เกรงใจใคร หลังมีผู้จัดการทีมถูกตะเพิดพ้นตำแหน่งสูงเป็นสถิติใหม่ไปแล้วถึง 12 ราย ทั้งที่ยังเหลือเกมอีกถึง 10 นัดกว่าจะจบซีซั่น

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ แกรม พอตเตอร์ คือกุนซือชื่อดัง 2 รายล่าสุดที่ถูกต้นสังกัดอย่าง เลสเตอร์ ซิตี และ เชลซี สั่งเชือด

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้จัดการทีมอยู่หนึ่งคนที่รับประกันซ่อมฟรีได้เลยว่า จะไม่มีทางโดนไล่ออกอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะพาทีมทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังแค่ไหนในฤดูกาลนี้ นั่นคือ เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเมืองเบียร์ของลิเวอร์พูล

คลอปป์ เป็นผู้จุดประเด็นนี้ขึ้นมาเองหลังการโดนไล่ออกของ ร็อดเจอร์ส และ พอตเตอร์ โดยยอมรับว่า ที่ตัวเขายังได้ลอยหน้าเป็นนายใหญ่แห่ง แอนฟิลด์ ทั้งที่ ลิเวอร์พูล ฟอร์มดร็อปลงไปอย่างน่าใจหายเป็นเพราะ “บุญเก่าที่ยังคุ้มกะลาหัวอยู่”

“คำถามที่ไม่มีใครกล้าถามก็คือทำไมผมจึงยังได้นั่งอยู่ตรงนี้ในโลกที่แสนวุ่นวายใบนี้ ผมยังคงเป็นคนสุดท้ายที่เหลือรอด” คล็อปป์ กล่าว

ความปราชัยอย่างย่อยยับ 1-4 ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี และการทำได้แค่บุกไปเสมอ เชลซี แบบไร้สกอร์ ทำให้ ลิเวอร์พูล รั้งอยู่ในอันดับ 8 ของตารางพรีเมียร์ลีก โดยมีแต้มตามหลัง อาร์เซนอล ทีมจ่าฝูงถึง 29 คะแนน และตามหลัง สเปอร์ส ทีมอันดับ 4 ห่าง 7 แต้ม ซึ่งต่างกันราวฟ้ากับเหวเมื่อมองจากการมีลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลที่แล้ว

คลอปป์ ยอมรับว่า ด้วยผลงานที่ต่ำกว่าระดับความคาดหวังไปเยอะแบบนี้ หากไม่มีผลงานเก่า ๆ คอยช่วยพยุงขาเก้าอี้เอาไว้ ตัวเขาคงมีชะตากรรมไม่ต่างไปจาก ร็อดเจอร์ส และ พอตเตอร์ แน่นอน

อย่าลืมว่า คลอปป์ คือกุนซือที่เข้ามาช่วยกู้วิกฤติของ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2015 และค่อย ๆ แปลงร่าง เครื่องจักรสีแดง ให้กลายมาเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, แชมป์สโมสรโลก ก่อนจะกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี

ดังนั้นสถานะของ กุนซือเครางาม ที่ แอนฟิลด์ จึงแทบไม่ต่างจากบรมกุนซืออย่าง บิลล์ แชงคลี เลยแม้แต่น้อย และทำให้เจ้าของทีมอย่าง เอฟเอสจี ไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงการปลด ยอดโค้ชวัย 55 ปี แถมยังเชื่อมั่นด้วยว่า เขาจะสามารถพา ลิเวอร์พูล กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกที่ควรได้อีกครั้ง

ขณะที่สาวก เดอะ ค็อป ส่วนใหญ่ก็มีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันว่า คลอปป์ ยังเป็นคนที่ใช่สำหรับ ลิเวอร์พูล และพร้อมจะร้องเพลงอวยยศ กุนซือชาวเยอรมัน ทุกครั้งที่ทีมรักลงกรำศึก ณ สังเวียน แอนฟิลด์

แน่นอนว่า มีเสียงเรียกร้องขอความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่ในตำแหน่งผู้จัดการทีม หรือ สต๊าฟฟ์โค้ช แต่ความเปลี่ยนแปลงที่แฟนบอลลิเวอร์พูลเรียกร้องคือการยกเครื่องทีมครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้

เอฟเอสจี เข้าใจถึงปัญหาที่ คลอปป์ กำลังเผชิญอยู่เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพร่างกายของนักเตะหลายคนที่โรยราลงทุกวัน หรือ ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บอันเป็นผลพวงมาจากการลงเตะแบบมาราธอนถึง 63 เกมในฤดูกาลที่ผ่านมา

ว่ากันว่า การไม่ยอมลงทุนซื้อมิดฟิลด์ชั้นดีเข้ามาเสริมทัพหลังพลาดหวังจาก โอเลเลียง ชูอาเมนี ที่เลือกย้ายจาก โมนาโก ไปอยู่กับ รีล มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว คือการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ของผู้บริหารลิเวอร์พูล และกลายเป็นโดมิโนเอฟเฟกต์ที่ทำให้ เรด แมชีน ผลงานดร็อปลงมาอย่างน่าใจหาย

ขณะที่ อาร์ตูร์ เมโล ที่ถูกดึงเข้ามาแก้ขัดด้วยสัญญายืมตัวจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าเช่า 4 ล้านปอนด์ ก็ดันมาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนเพิ่งจะได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแค่ 13 นาทีเท่านั้น

ส่วนนักเตะเก่าอย่าง นาบี เกอิตา กับ อเล็กซ์ อ็อกเลด แชมเบอร์เลน ก็เดินเข้า-ออกห้องพยาบาลเป็นว่าเล่น

ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ และ เจมส์ มิลเนอร์ ก็โรยราลงไปเยอะ ซึ่งทำให้แดนกลางของ ลิเวอร์พูล ไม่มีพลังจะไปไล่บดบี้คู่แข่งเหมือนตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา

ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็น ลิเวอร์พูล ต้องกระเสือกกระสนอย่างหนัก และส่อแววว่า จะชวดคว้าตั๋วไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 หลังเก็บแต้มเฉลี่ยได้เพียง 1.6 คะแนนต่อเกมในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ คลอปป์ เข้ามาคุมทีมเป็นซีซั่นแรกในฤดูกาล 2015/16

อย่างที่เรียนไปข้างต้นว่า สถานะของ คลอปป์ ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับ “แตะต้องไม่ได้” เพราะผลงานเก่า ๆ ที่ยอดเยี่ยมชนิดเพื่อนร่วมอาชีพส่วนใหญ่ทำได้แค่ฝันถึง

กระนั้น กุนซือเจ้าของฉายา “เดอะ นอร์มอล วัน” รู้ดีว่า บุญเก่าต่อให้สะสมเอาไว้เยอะแค่ไหนก็ย่อมมีวันหมดลงได้เมื่อใช้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่รีบสะสมแต้มบุญเพิ่ม ไม่ต่างจากความอดทนของ เอฟเอสจี และแฟนบอลหงส์แดงที่มีขีดจำกัดเช่นกัน.