เมื่อปีที่แล้วถ้ายังพอจดจำกันได้ ถึงเรื่องการระบาดของโรคฝีดาษลิง 95 ประเทศทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อในอเมริกามากกว่า 15,000 คน จากนั้นมาพบการระบาดของโรคฝีดาษลิงในประเทศไทยปี พ.ศ. 2565 แม้ว่ากรณีส่วนใหญ่ได้รับการรายงานในผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย แต่ไวรัสโรคฝีดาษลิง สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์

มีนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้เผยแพร่รายงานกรณีโรคติดต่ออุบัติใหม่ของชายคนหนึ่งที่ติดเชื้อฝีดาษลิง ในงานเทศกาลกลางแจ้งที่ผู้ป่วยไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศ ตามรายงาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชายคนนี้ได้เข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งที่มีผู้คนพลุกพล่านหลายครั้ง ซึ่งผู้ป่วยได้สัมผัสใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อ เช่น การเต้นรำ กับผู้คนมากมายในช่วงเวลาสี่วัน ผู้ป่วยไม่ได้สังเกตเห็นรอยโรคที่ผิวหนังหรือใครก็ตามที่ป่วยในบรรดาผู้ที่สัมผัสด้วย สองสัปดาห์ต่อมา ผู้ป่วยเริ่มมีโรคผิวหนังที่มือ ริมฝีปาก ลำตัวและหลัง ผู้ป่วยยืนยันไม่เคยป่วยเกี่ยวกับโรคสัมพันธ์ทางเพศในช่วงสามเดือนก่อนมีอาการ

กรณีนี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับการแพร่เชื้อจากโรคฝีดาษลิง? เป็นสาเหตุของการเตือนภัยหรือไม่? บทความนี้เพื่อทำความเข้าใจความสำคัญของรายงานนี้ สิ่งที่เรารู้และไม่รู้เกี่ยวกับการแพร่เชื้อจากโรคฝีดาษลิง และวิธีที่เราควรคิดเกี่ยวกับบุคคลของเรา ความเสี่ยง

มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับกรณีของโรคฝีดาษลิงนี้หรือไม่? ผู้ป่วยซึ่งไม่เหมือนกับผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีรายงานในการระบาดโรคฝีดาษลิงในปัจจุบัน คือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลย การมีเพศสัมพันธ์เป็นความโดดเด่นในการระบาดโรคฝีดาษลิงในปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ความเข้าใจโดยรวมของแพทย์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง ในความเป็นจริง ในการระบาดครั้งก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่าโรคฝีดาษลิงติดต่อผ่านการสัมผัสทางผิวหนังโดยมักไม่มีเพศสัมพันธ์ เป็นความจริงที่มีบรรทัดฐาน

การระบาดในปี พ.ศ. 2565 นี้มีลักษณะเฉพาะตรงที่ร้อยละ 95 หรือมากกว่านั้น สงสัยว่าการได้มาของโรคนั้นมาจากการมีเพศสัมพันธ์ เพศเป็นปัจจัยที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งในการระบาดครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะว่าลักษณะใดของเพศนำไปสู่การแพร่เชื้อ บางทีอาจไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนของเหลวในร่างกาย แต่สำคัญกว่านั้นคือการใกล้ชิดทางร่างกายกับคนอื่น

———————————–
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล