นักฟุตบอลเป็นอาชีพที่จำเป็นต้องดูแลสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากนักเตะอาชีพนั้นมีอายุงานที่ไม่นานนัก แค่ 30 ปลายๆ ส่วนใหญ่ไม่เกิน 40 ก็แทบเลิกกันไปหมดแล้ว แถมยังต้องพึ่งพาศักยภาพหลายด้าน นักบอลที่เก่งจึงไม่ใช่แค่เตะบอลดี แต่ยังต้องฉลาด เล่นเป็นระบบ แข็งแรง สภาพจิตใจที่เข้มแข็ง และที่สำคัญต้องฟิตพอสามารถยืนระยะได้ตลอด 90 นาที

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าอาชีพที่ความฟิตสำคัญขนาดนี้ แต่ระยะหลังนักเตะหลายคนหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบที่เรียกว่า “สนูส” (snus) กันอย่างแพร่หลายมาก ทั้งที่มันบั่นทอนสุขภาพ โดยผู้จัดการทีมฟุตบอลรายหนึ่งเผยกับ “ดิ แอธเลติก” ว่ามีผู้เล่น 35 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ยาสูบชนิดนี้ แถมยังระบาดไปถึงอคาเดมี่ที่เด็กวัย 13 ก็เริ่มใช้กันแล้วด้วย

หากจำกันได้แฟนบอลทั่วไปรู้จักสนูสมากขึ้นตั้งแต่ปี 2018 ตอนที่มีคนเห็นเจมี วาร์ดี หนีบกล่องสนูสติดตัวไปทุกที่ในช่วงเก็บตัวฟุตบอลโลก 2018 ขณะที่ วิคเตอร์ ลินเดลอฟ และ เอมิล คราฟท์ ก็เคยยอมรับว่าติดเจ้าสนูสนี้เช่นกัน

สนูสคืออะไร? ต้นตำรับของสนูสมาจากสวีเดน ชื่อตั้งมาจาก snuff ที่แปลว่าการสูดดม มันคือใบยาสูบที่บดเป็นผง บรนจุในตลับ ใช้งานโดยป้ายยาสูบแปะไว้บริเวณเหงือก ไม่ต้องสูบเข้าปอดแต่นิโคตินที่ถูกปลดปล่อยเข้ากระแสเลือดยังคงเดิม

การจำหน่ายสนูสในสหราชอาณาจักรและประเทศในยุโรปเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ยกเว้นสวีเดน แต่การบริโภคมันนั้นถูกกฎหมาย และไม่ขัดต่อกฎหมายต่อต้านการใช้สารกระตุ้นใดๆ ด้วย

เพียงแต่มันมีข้อกังวลในวงการกีฬา เกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น อันตรายของการเสพติดและความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคในช่องปาก

ดังนั้นเมื่อนักบอลไม่ลดความนิยมผิดๆ นี้เสียที สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) จึงต้องเปิดตัวแคมเปญเตือนผู้เล่นถึงอันตรายของสนูส ย้ำความสำคัญของการมีสุขภาพดี จะประสานงานกับแพทย์สโมสร ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นักเตะจะได้ตัดสินใจได้เองว่าควรใช้ยาเสพย์ติดชนิดนี้ต่อไปหรือไม่

ไม่น่าเชื่อว่าของที่แม้แต่เด็กอมมือยังรู้ว่าไม่ดี แต่นักบอลอาชีพกลับไม่ค่อยใส่ใจ.

เฮียเอง