เขตเลือกตั้ง 1 ถือเป็นเขตที่น่าจับตามากที่สุด เพราะเขตนี้คือบ้านใหญ่ของ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีต ส.ส. 8 สมัย (ตั้งแต่ พ.ศ. 2529) ดีกรีอดีต รมต.หลายกระทรวง เป็นรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา คนที่ 1 มีประสบการณ์ทางการเมืองสูง ภายใต้แนวคิด รับฟัง ทำจริง ยืนหยัดชัดเจน จนเรียกได้ว่า “จุรีมาศ” เป็นบ้านใหญ่ตัวจริงของ จ.ร้อยเอ็ด มีกล่ม ส.อบจ. ในก๊วน 10 คน และกลุ่มการเมืองท้องถิ่น มีฐานเสียงใหญ่ในเขต อ.เมืองร้อยเอ็ด โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด แน่นปึ้ก แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อว่า อนุรักษ์ จุรีมาศ จะเหนื่อยกว่าทุกครั้งก็ว่าได้ เพราะคู่แข่งที่เคยต่อสู้กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก พ่อเคยชนะลูก ก็เคยชนะมาแล้ว ปัจจุบันย้ายขั้วมาสังกัดพรรคเพื่อไทย คือ นายสถาพร ว่องสัธนพงษ์ อายุ 51 ปี คนรุ่นใหม่ไฟแรง บุตรของ นายสานิต ว่องสัธนพงษ์ อดีต ส.อบจ. 6 สมัย อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 1 พ.ศ. 2544 (ชนะ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ) เป็น ส.ส. 1 สมัย ในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีที่สุด ถือเป็นนัดล้างตาก็ว่าได้ เพราะกระแสพรรคเพื่อไทยกำลังมาแรง และดีขึ้นตามลำดับ ส่วนผู้สมัครรายอื่นที่เริ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่ ก็มี นายพงศกรณ์ ตั้งกิตติตระกูล (ทนายโก้ ประธานสภาทนายความจังหวัดร้อยเอ็ด) สังกัดพรรคพลังประชารัฐ นายเกียรติศักดิ์ ไค่นุ่นกา พรรคก้าวไกล นายธนชัย สินธุไพร พรรคไทยสร้างไทย ดร.ธงชัย ธราวุธ พรรครวมแผ่นดิน

เขต 2 ดร.ฉลาด ขามช่วง อดีต ส.ส. สังกัดพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส. หลายสมัย เจ้าของพื้นที่มีฐานคะแนนเหนียวแน่น ควงลูกชาย นายตุลธร ขามช่วง ส.อบจ.เขตอำเภอโพธิ์ชัย ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนมาตลอด กระแสพรรคดี ผลงานเด่น เชื่อว่าจะได้ใจพี่
น้องเหมือนเดิม โดยคู่แข่งที่เตรียมสู้ศึกมี นายทินกร อ่อนประทุม อดีต ส.อบจ.อำเภอเชียงขวัญ เคยร่วมต่อสู้ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ มายาวนาน ยังไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ครั้งนี้ย้ายค่ายมาอยู่พรรคก้าวไกล นายเอกรัฐ พลซื่อ บุตรชาย นายเอกภาพ พลซื่อ ซึ่งเคยเป็นอดีต ส.ส. และอดีตนายก อบจ.ร้อยเอ็ด รวมทั้ง นายเฉลิมพล ระดาพัฒน์ สังกัดพรรครวมแผ่นดิน คงสู้เหนื่อย

เขต 3 นายนิรมิต สุจารี อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 3 จากพรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่มีภาษีดีที่สุด ซึ่งคู่แข่งคือ นางรัชนี พลซื่อ อดีตนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ภรรยา นายเอกภาพ พลซื่อ อดีต ส.ส. และอดีต นายก อบจ.ร้อยเอ็ด ที่ถูกใบแดงและตัดสิทธิทางการเมืองเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลงสนามต่อสู้ในนามพรรคพลังประชารัฐ นางสาววาสินีพร พลเยี่ยม (หมอปุ๋ย) จากพรรคภูมิใจไทย นายทักษิณ พลเยี่ยม จากพรรคก้าวไกล นายร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม พรรคไทยสร้างไทย คงลุ้นลำบาก

เขต 4 เจ้าของพื้นที่คือ นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยึดเก้าอี้มาตลอด แต่คราวนี้เจ้าตัวขอขยับไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ จึงส่ง นายนรากร นาเมืองรักษ์ (ส.จ.ตั้น) อดีต ส.อบจ.เขตอำเภอเสลภูมิ ลงสู้ศึกแทนในนามพรรคเพื่อไทย ผู้เป็นพ่อเป็นคนขยัน ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้านต่าง ๆ มาตลอด เก๋าเกม และเป็นหัวหน้าทีมเพื่อไทยร้อยเอ็ด เชื่อว่าไม่มีปัญหา ขณะที่คู่แข่งคือ น.ส.กัญจน์พร วงศ์เวไนย (ส.จ.โอ๋น้อย) อดีต ส.อบจ.อำเภอเสลภูมิ ในนามพรรคพลังประชารัฐ นายชัยชนะ รัตนชัยฤทธิ์ พรรคไทยสร้างไทย นายอรรณพ เพียรชนะ พรรครวมแผ่นดิน ก็คงสู้เหนื่อย

เขต 5 เป็นฐานที่มั่นเดิมของคนเสื้อแดง กลุ่ม นปช. ซึ่งมี นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายสมัย แกนนำ นปช. ปักธง
ไว้ที่นี่ยาวนาน หลังมีปัญหาทางการเมือง นายนิสิตก็ได้ส่งภรรยาคือ นางเอมอร สินธุไพร ลงแทน ก็ได้รับการเลือกตั้งตามเป้า ล่าสุดผู้เป็นแม่อยากเปิดโอกาสให้ลูก เนื่องจากพ่อแม่อายุมากแล้ว จึงส่ง นางสาวจิราพร สินธุไพร (น้องน้ำ) ลงชิงตำแหน่งแทน และได้รับการเลือกตั้งเข้าไปเป็น ส.ส. อีก และเป็น ส.ส. ฝีปากกล้าเป็นดาวสภา อภิปรายในสภาข้อมูลแน่นปึ้ก เป็นที่ยอมรับของบรรดา ส.ส. มีแฟนคลับเป็นกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนจำนวนมาก เขตนี้ก็ยากที่จะมีใครสู้ได้ ขณะที่คู่แข่งจากพรรคพลังประชารัฐ นายเฉลิมศักดิ์ แสนปาง อดีต ส.อบจ.อำเภอหนองฮี ก็ถือว่ายังห่างกันไกล

เขต 6 นายกิตติ สมทรัพย์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายสมัย ยึดพื้นที่เหนียวแน่นมาตลอด ยากที่จะมีใครคว่ำได้ ขณะที่คู่แข่งเป็นอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล ที่ย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทย เพื่อลงสู้ศึกครั้งนี้คือ นายคารม พลพรกลาง นายกฤษณะ แสนสำโรง อดีต ส.อบจ.เขตอำเภอสุวรรณภูมิ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลหินกอง จากพรรคเสรีรวมไทย นายชำนาญ โพธิ์คลัง อดีต ผอ.หลายโรงเรียน จากพรรคพลังประชารัฐ เตรียมลงชิงชัยด้วย

เขต 7 นายศักดา คงเพชร อดีต รมช.ศึกษาธิการ ในยุครัฐบาลทักษิณ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 7 พรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่ แม้การเลือกตั้ง ส.อบจ. ที่ผ่านมาล่าสุด ทั้งภรรยาและลูกชายแพ้การเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งสนามใหญ่ มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนยังไว้วางใจผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยเช่นเดิม ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ขยันลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ทำกิจกรรมทางการเมือง เตรียมความพร้อมมานานคือ นายชัชวาล แพทย์ยาไทย จากพรรคไทยสร้างไทย ถือว่ามีโอกาสไม่น้อยเช่นกัน

เขต 8 นายเวียง วรเชษฐ์ อดีต ส.ส.หลายสมัย เจ้าของพื้นที่เดิม เป็นนักปราศรัยขวัญใจชาวบ้าน หลังจากสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าสู่สภาและทำงานกับพรรคเพื่อไทยมาช่วงหนึ่ง และห่างสนามไปนาน ล่าสุดได้ย้ายไปลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย การลงชิงชัยครั้งนี้ ต้องต่อสู้กับ “น้องเบียร์” ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นักปราศรัยปากกล้าอีกคน ซึ่งเป็นน้องสาว ส.ส.น้ำ จิราพร สินธุไพร ลูกสาวคนโต นายนิสิต สินธุไพร อดีตแกนนำ นปช.ผอ.รร.นปช. จากพรรคเพื่อไทย และ นาง
จุรีพร สินธุไพร
น้องสาว นายนิสิต สินธุไพร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในนามพรรคไทยสร้างไทย ที่เคยฝ่ากระแสคนในครอบครัวสินธุไพร ที่หนุน นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ลงชิงตำแหน่งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด จนชาวร้อยเอ็ดงงว่า เกิดอะไรขึ้นในตระกูลนี้ พี่น้องต้องมาต่อสู้กับคู่แข่งที่พี่ชายสนับสนุนในนามพรรคเพื่อไทย และท้ายที่สุดก็สู้ไม่ได้ มาคราวนี้เตรียมข้ามฝั่งไปลงเขต 8 นางจุรีพร ผู้เป็นอา ต้องมาต่อสู้กับหลานอีก ซึ่งทั้งอาและหลาน ถือว่าใหม่ทั้งคู่ ระหว่างเพื่อไทย ไทยสร้างไทย หรือภูมิใจไทย ต้องลุ้นกันหนักถึงนาทีสุดท้าย ใครคือตัวจริง.

วินัย วงศ์วีระขันธ์