โดยเฉพาะ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นอกจากชูจุดขาย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว วันนี้ยังออกแคมเปญ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” มอตโตหาเสียงตีตลาดคู่แข่งอีกด้วย “ทีมการเมืองเดลินิวส์” ถือโอกาสสนทนากับ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค รทสช. ถึงการหาเสียงในจังหวะต่อไป จะมีอะไรเป็นจุดขายได้อีก เพราะเวลานี้พรรค รทสช. มีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นจุดขายหนึ่งเดียวของพรรคเท่านั้น   

โดย “พีระพันธุ์” เปิดประเด็นว่า เรื่องนี้ก็แล้วแต่จะมองกัน และตั้งแต่ที่ผมทำพรรคมาตั้งแต่ต้น บอกทุกคนว่า พรรคนี้ทำมาเพื่อแนวทางที่ผมทำ และวันนี้ก็ยังทำแบบวันนั้น คือ สู้ทุกปัญหาพึ่งพาได้ทุกเรื่อง แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจเดินหน้าทางการเมือง และสมัครเป็นสมาชิกพรรค ผมก็ยินดีต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีแนวคิดที่ตรงกัน และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดี และเป็นธรรมดาที่จะช่วยดึงกระแสให้กับพรรคดีขึ้นตามไปด้วย ย้ำว่าไม่ได้สนใจที่คนมองว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นพรรคเฉพาะกิจ ใครจะว่าอะไรก็เรื่องของเขา เราห้ามคนพูดไม่ได้ เป็นธรรมดาคนไม่ชอบ คนไม่เห็นด้วย และกระแสเขาตกเพราะเรา เขาก็ต้องต่อว่าเรา ไม่มีใครมาชมพรรคเรา เป็นธรรมดา ธรรมชาติในการเมือง 

สิ่งที่ผมอยากขาย คือ พรรคการเมืองเป็นพรรคที่คิดแต่เรื่องของประชาชน และช่วยเหลือประชาชนให้พรรคการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชน ผมอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน ส่วนใหญ่ก็เป็นการเมืองอย่างที่เราเห็น ฉะนั้นแนวทางของพรรคเราจึงได้กำหนดนโยบายที่เป็นอุดมการณ์ของพรรคว่า “สู้ได้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” 

@ มองผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ สูงขึ้น เมื่อเทียบกับคะแนนของพรรคอย่างไร

ไม่เคยคิด ผมไม่เคยดูถูกผลโพล แต่ผมก็ไม่เชื่อโพล เพราะสำหรับผมคิดว่าของจริง คือเรื่องสำคัญกว่า สื่อมวลชนเคยบอกว่า นายกฯ หมดแล้ว กระแสไม่มี ขายไม่ได้ แต่เมื่อผมลงพื้นที่ไปกับนายกฯ มีคนตอบรับยิ่งกว่านักการเมืองดังๆ สมัยก่อน ตั้งแต่เด็กตัวเล็กจนถึงผู้สูงอายุ ผมอยู่การเมืองมา 30 ปี ไม่เคยเจอ คนที่อยู่ในตำแหน่งติดต่อกันมานาน ยังได้รับความนิยมจากประชาชนขนาดนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับผลโพล ผมได้บอกกับนายกฯ ไปว่า จากประสบการณ์ของผมในการลงพื้นที่ ว่า ผลโพลที่ออกมาไม่จริง พอมาช่วงหลัง ผลโพลเปลี่ยนคะแนนนิยมของนายกฯ ขึ้น ย้ำว่าอย่าไปยึดมากผลโพล และผมไม่เคยเอาผลโพลมากระทบกับแนวทางการทำงาน เดินหน้าการทำงานตามที่วางแผนไว้ 

@ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ต่อ เหลือเวลาอีก 2 ปี ในฐานะหัวหน้าพรรค จะอธิบายกับประชาชนอย่างไร ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง

2 ปี แค่เป็นนายกฯ แต่ไม่ได้ห้ามทำงานทางการเมือง และไม่ได้ห้ามให้อยู่ในตำแหน่งอื่นไม่ได้ ผมคิดว่าความรู้ประสบการณ์ และแนวความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นประโยชน์ในทางการเมืองของประเทศอีกเยอะ และเป็นประโยชน์กับพรรค รทสช. และไม่ได้แปลว่า ครบ 2 ปีแล้ว ทุกอย่างจะจบสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำงานได้อีกอย่างน้อย 2 ปี และยังสามารถพัฒนาหรือสร้างบุคลากรดีๆ ให้กับประเทศ และพรรค รทสช. ได้อีก และหลังจาก 2 ปี ใครจะไปรู้ ยกตัวอย่างท่านอาจจะมาเป็นรองนายกฯ หรือที่ปรึกษานายกฯ หรือจะเป็นอะไรก็ตาม ท่านก็ยังทำได้ ทำงานตรงไหนก็ได้ ทำงานตามสไตล์เดิมตอนเป็นนายกฯ ก็ได้ เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ท่านไม่ทำงาน เพียงแต่ห้ามไม่ให้ทำงานในตำแหน่งนายกฯ เท่านั้น

@ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นนายกฯ อีก 2 ปี จะมีตำแหน่งอะไรหรือไม่

ใจ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยากช่วยบ้านเมือง ยังอยู่ให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษาให้พรรค รทสช. ต่อไปได้ ในความเป็นจริงคิดกันไปเองว่า จะต้องมีตำแหน่งต้องเป็นนายกฯ ถึงทำงานช่วยบ้านเมืองได้ แต่ในความเป็นจริง ไม่มีตำแหน่งก็สามารถทำงานได้ สามารถให้คำแนะนำคนเป็นนายกฯ ณ ตอนนั้นก็ได้ ว่าให้ทำแบบนั้น แบบนี้ เราถามความเห็นท่านได้ ท่านยังให้คำแนะนำและให้แนวทางเราได้เหมือนเดิม แต่ผมเชื่อมั่นสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า 2 ปี ท่านยังทำงานช่วยเราอยู่ได้ แต่ถึงเวลานั้นเราต้องดูว่าใครจะขึ้นมาต่อไป แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังอยู่ได้และช่วยงานอยู่ได้ตามที่ผมบอก ย้ำว่า พรรค รทสช. ยังไม่ได้พิจารณา ไม่ได้มีการพูดว่า จะส่งชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว เพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า รัฐบาลจะอยู่ได้ถึง 4 ปีอยู่แล้ว แต่จะเป็นพรรคไหนผมไม่รู้  รู้แต่ว่าผมเห็นว่า ตอนนี้การพัฒนาทางการเมืองช่วงหลัง รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปีทั้งนั้น

@ หากมีอำนาจในมือจะกลับไปแก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐธรรมนูญหรือไม่

วันนี้ถ้าผมมีอำนาจในการร่างรัฐธรรมนูญผมจะเขียนใหม่หมด เช่น รัฐธรรมนูญทุกวันนี้ไม่ได้ตอบสนองความต้องการประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ แต่รัฐธรรมนูญมีแต่เรื่องการเมือง ทั้งที่รัฐธรรมนูญจะต้องมีเรื่องของประชาชนในเรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพไม่ให้ใครมารังแก โดยเฉพาะภาครัฐ และการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ แต่ทุกวันนี้ ลองไปถามประชาชน หากถามถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชาชนร้องยี้เพราะเรื่องการเมือง อย่างนี้ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดหมดว่ารัฐธรรมนูญ คือ อะไรกันแน่ ทำไมเราไม่ช่วยกันทำให้ประชาชนรู้สึกว่า รัฐธรรมนูญคือ คู่มือชีวิตในการดำรงชีวิต ไม่ใช่ในการใช้สิทธิทางการเมือง ทั้งนี้แต่อีกไม่กี่ปี ก็จะต้องกลับไปสู่ระบบการเลือกตั้ง ส.ว. ที่มันเป็นแบบทุกวันนี้ เพราะ ส.ว. ไม่ได้มาจากระบบการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย การที่จะเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยขึ้นอยู่ที่กฎหมายเขียน 

“ผมไม่ได้บอกว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปลดล็อกเรื่องนายกฯ ดำรงตำแหน่ง 8 ปี แต่ผมบอกว่า ถ้าผมทำได้ ผมจะเขียนใหม่ให้ธรรมนูญเป็นคู่มือประชาชน ไม่ใช่คู่มือการเมือง และหากพรรคได้เป็นรัฐบาล โจทย์แรกจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่โจทย์แรกของพรรค คือ ทำอย่างไรจะลดค่าของชีพ ทำอย่างไรให้คนมีที่ทำกิน มีที่อยู่อาศัย และมีชีวิตที่ดีขึ้น มีเงินทุนพอที่จะประกอบอาชีพ”.