บทนำ เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานถึงผลสำเร็จของการใช้วิธีปลูกถ่ายไข กระดูกหรือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในผู้ป่วยเอดส์ เพราะตรวจไม่พบเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายอีกหลังจากการรักษา แสดงว่าเชื้อนี้ถูกทำลายไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อเอดส์ทุกคนไม่ใช่ว่าจะไปปลูกถ่ายไขกระดูกกันได้ง่าย ๆ สำหรับผู้ป่วยเอดส์ในงานวิจัยนี้ มีโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองร่วมด้วย ทำให้ต้องรับการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่ หลังทำได้ระยะหนึ่ง ทีมแพทย์เฝ้าระวังตรวจหาเชื้อเอชไอวีเป็นระยะ ๆ โดยรายแรกไวรัสหายไป 4 ปีแล้ว ส่วนอีกรายตรวจไม่พบมา 2 ปีเช่นกัน ทำให้นักวิจัยถือว่าวิธีปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นความหวังใหม่ในการรักษาโรคเอดส์ และทำให้เชื้อเอชไอวีให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม การลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก โดยทั่วไปถือว่า ไม่ว่าใครจะมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนใหม่หนึ่งคนหรือคู่นอนใหม่หลายคน เป็นเรื่องปกติที่จะมีคำถามเกี่ยวกับความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อเอชไอวีระหว่างมีเพศสัมพันธ์ การมีคำถามเกี่ยวกับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถผ่านระหว่างคู่นอนระหว่างกิจกรรมทางเพศประเภทใดก็ได้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นไปได้อาจจะรวมทั้งเอชไอวี และอาจไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ เหตุผลดังกล่าวข้างต้นอธิบายว่า ทำไมการตรวจหาเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จึงมีความสำคัญ แม้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะไม่แสดงอาการทันที แต่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา มีหลายสิ่งที่ทุกคนต้องทราบเกี่ยวกับวิธีที่เชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ สามารถแพร่เชื้อได้ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และกิจกรรมประเภทใดที่อาจส่งผลต่อความเสี่ยง

กิจกรรมทางเพศบางอย่างมีความเสี่ยงสูงในการแพร่เชื้อเอชไอวี คนเราสามารถแพร่เชื้อเอชไอวีได้ ก็ต่อเมื่อมีไวรัสอยู่แล้ว และปริมาณไวรัสไม่ได้ถูกระงับด้วยยา ของเหลวในร่างกายบางชนิดเท่านั้นที่สามารถแพร่เชื้อเอชไอวีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลวในร่างกายเหล่านี้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ ของเหลวในช่องคลอด ของเหลวจากทวารหนัก และน้ำนมแม่ เชื้อเอชไอวีสามารถแพร่ผ่านได้ในระหว่างกิจกรรมทางเพศที่เกี่ยวข้องกับของเหลวเหล่านี้ อย่างไรก็ตามการมีเพศสัมพันธ์บางประเภทมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่เชื้อเอชไอวี

เชื้อเอชไอวี มีแนวโน้มที่จะติดต่อระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบอื่น ๆ เนื่องจากเยื่อบุทวารหนักมีแนวโน้มที่จะฉีกขาดได้ สิ่งนี้ทำให้เอชไอวีสามารถหาจุดเริ่มต้นเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เชื้อเอชไอวีสามารถแพร่เชื้อได้ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ช่องคลอดมีโอกาสฉีกขาดน้อยกว่าทวารหนัก แต่เชื้อเอชไอวียังสามารถแพร่เชื้อได้ด้วยวิธีนี้ โดยทั่วไปแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ทางปากถือเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำมากสำหรับการแพร่เชื้อเอชไอวี ยังคงเป็นไปได้ที่เชื้อเอชไอวีจะแพร่เชื้อด้วยวิธีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุคคลมีแผลเปิดหรือบาดแผลที่ปากหรืออวัยวะเพศ สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทุกประเภท การใช้ถุงยางอนามัย หรือแผ่นยางอนามัยลาเท็กซ์ทรงสี่เหลี่ยม มีไว้ใช้สำหรับใช้ปิดคลุมอวัยวะเพศฝ่ายหญิง หรือทางทวารหนัก ก่อนการทำรักด้วยปาก ช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ

—————————
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล