บุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารเคมีอีกกว่า 2,000 ชนิด ที่ไม่พบมาก่อนในบุหรี่ธรรมดา ล่าสุด รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลงานวิจัยใหม่โดยคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลให้ดีเอ็นเอของเซลล์ในช่องปากถูกทำลายไม่ต่างจากการสูบบุหรี่ธรรมดา ซึ่งการที่ดีเอ็นเอถูกทำลายนี้จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมทั้งโรคมะเร็ง โดยนักวิจัยคัดเลือกผู้ใหญ่ 72 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1.ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า (ไม่เคยสูบบุหรี่ธรรมดาเลย) 2.ผู้สูบบุหรี่ธรรมดา (ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเลย) 3.ผู้ที่ไม่มีประวัติสูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดา เก็บข้อมูลประวัติการสูบ ความถี่ ชนิดของบุหรี่ที่สูบ และความเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และเก็บตัวอย่างเซลล์เยื่อบุช่องปากทุกคนเพื่อนำมาตรวจลักษณะของดีเอ็นเอ
รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวต่อว่า ผลวิจัยพบว่า คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า พบดีเอ็นเอของเซลล์เยื่อบุช่องปากถูกทำลายเป็น 2.6 เท่า ส่วนคนที่สูบบุหรี่ธรรมดา พบดีเอ็นเอถูกทำลายเป็น 2.2 เท่า เมื่อเทียบกันคนที่ไม่มีประวัติสูบบุหรี่ใด ๆ ในกลุ่มที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าพบว่า ยิ่งสูบมากขึ้น ดีเอ็นเอยิ่งถูกทำลายมาก หากพิจารณาตามชนิดบุหรี่ไฟฟ้าที่สูบ พบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบพอด ดีเอ็นเอถูกทำลายมากที่สุด หากพิจารณาตามรสชาติบุหรี่ไฟฟ้าที่สูบ เช่น รสผลไม้ รสเมนทอล พบดีเอ็นเอถูกทำลายมากขึ้น ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับระดับนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า คือไม่ว่าจะมีนิโคตินมากหรือน้อย ก็ส่งผลให้ดีเอ็นเอถูกทำลายเช่นกัน
“งานวิจัยชิ้นนี้ขจัดข้อสงสัยของกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าที่มักออกมาโต้แย้งงานวิจัยที่แสดงถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า โดยมักอ้างว่าเป็นเพราะคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเคยสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อน เพราะงานวิจัยชิ้นนี้คัดเลือกคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่เคยสูบบุหรี่ธรรมดาเลย ดังนั้นผลการศึกษาจึงบอกได้อย่างชัดเจนว่า การที่เซลล์ดีเอ็นเอถูกทำลายซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งนี้เป็นผลจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจริง ๆ ที่สำคัญงานวิจัยในหนูทดลอง พบว่า หนู 9 ตัว จาก 40 ตัว ที่ได้รับไอบุหรี่เป็นเวลาหนึ่งปีเศษ เป็นมะเร็งปอด และ 22 ตัวมีการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ ที่เหมือนเนื้อมะเร็งระยะแรก” รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าว
ข้อมูลที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อสุขภาพ ถูกทำให้บิดเบือนและพยายามสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ว่าไม่มีอันตราย อีกทั้งยังสร้างรูปลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้าให้น่าทดลอง ใส่กลิ่นและรสชาติจูงใจ มีข้อเรียกร้องจะตัวแทนกลุ่มเยาวชนให้มีการเปิดโปงเบื้องหลังของบุหรี่ไฟฟ้า เช่นเดียวกับการเปิดโปงขบวนการพนันออนไลน์
พชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) กล่าวว่า สังคมไทยต้องขอบคุณ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เดินหน้าเปิดโปงเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมการพนันออนไลน์ในไทย สร้างความเสียหายทางทั้งเศรษฐกิจ และสังคมอย่างมหาศาล ทั้งแง่มุมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์และระบบการหมุนเวียนในเชิงเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางกายและใจของผู้เสพติดพนันออนไลน์อีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งที่ผ่านมา ยท. มีระบบเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบจากการพนันออนไลน์ในกลุ่มเด็กและเยาวชนมาตลอดระยะเวลา 5 ปี จึงทำให้เห็นว่าแนวโน้มการเสพติดการพนันออนไลน์ของเด็กไทยและจำนวนเว็บพนันออนไลน์สูงขึ้นทุกปี
“ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ อยากให้คุณชูวิทย์ ช่วยเปิดโปงกลยุทธ์อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า และสนับสนุนการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนการปราบปราบพนันออนไลน์ จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติเป็นอย่างมาก เนื่องจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างอันตรายต่อสุขภาพประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งในวันนี้พบเด็กและเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากและเริ่มมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เหตุการณ์ในจังหวัดอำนาจเจริญ ที่พบเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สูบบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 20 คน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่านิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำลายสมองและการเจริญเติบโตของเด็กและเยาวชนได้ด้วย” นายพชรพรรษ์ กล่าว
นายพชรพรรษ์ กล่าวว่า ไทยมีกฎหมายแบนบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด ทั้งการห้ามโฆษณา การห้ามส่งเสริมการขาย รวมถึงการห้ามโชว์ผลิตภัณฑ์ในชั้นจำหน่าย เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และเยาวชน ดังนั้นการสูบบุหรี่ทั้งบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าโชว์ในที่สาธารณะ และโพสต์ภาพลงสื่อออนไลน์ ถือเป็นการทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นฮีโร่ เป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งศิลปิน ดารา เน็ตไอดอล หรือผู้มีชื่อเสียงในสังคม จึงควรเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็ก เยาวชน ไม่ทำให้เข้าใจผิดว่าบุหรี่เป็นสินค้าที่ไม่อันตราย เพราะเมื่อเสพติดแล้วส่งผลกระทบต่อสุขภาพก่อให้เกิดโรครุนแรงหลายชนิด..
