ผู้ชายจำนวนหนึ่งมีความเข้าใจผิดว่า การได้รับฮอร์โมนชายเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้น จะช่วยให้การแข็งตัวดีขึ้น ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนมีหน้าที่สำคัญคือกระตุ้นให้แสดงลักษณะความเป็นชาย และรักษาให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์และแข็งแรง ซึ่งรวมไปถึงเรื่องความต้องการทางเพศ, การสร้างเชื้ออสุจิ, ปริมาณของขนตามร่างกาย กล้ามเนื้อและกระดูก สมองจะควบคุมการสร้าง
เทสโทสเตอร์โรนซึ่งผลิตจากลูกอัณฑะ ค่าฮอร์โมนเพศชายที่ตรวจพบในเลือด ถ้าต่ำกว่า 1.3 ng/ml จะแสดงออกเด่นชัดคือไม่มีการแข็งตัวในช่วงกลางดึก

การเสริมฮอร์โมนเพศชายในกลุ่มชาย ที่ขาดฮอร์โมนเพศชาย สามารถไปเพิ่มความรู้สึกทางเพศให้ดีขึ้น ให้มีความต้องการทางเพศถี่ขึ้น มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งขึ้น ดีขึ้น 65% ในชายหนุ่ม สำหรับวัยทองจะได้ผลเพียง 44% ดังนั้นวัยสูงอายุจึงบ่งบอกถึงปัญหาของเส้นเลือดเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากฮอร์โมนชายที่ลดลง ผลลัพธ์จึงได้ผลดีในชายหนุ่มมากกว่าชายวัยทอง ซึ่งในชายสูงอายุมักจะมีปัญหาฮอร์โมนเพศต่ำ คู่กับปัญหาเส้นเลือดอุดตันร่วมด้วยกันเสมอ และยังมีปัญหาความเครียดที่คอยผสมโรงให้การอ่อนตัวแย่ลงไปเรื่อย ๆ

การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศด้วยการใช้ยากระตุ้นหรือรับประทานยาจึงเป็นทางสายตรงที่ฟื้นฟูกล้ามเนื้อเพศให้แข็งแรงโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มฮอร์โมนได้ในกรณีที่ฮอร์โมนเพศชายอยู่ในเกณฑ์ปกติ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ดังนั้นในการฟื้นฟูเรื่องการแข็งตัวนั้นจะต้องหาสาเหตุของปัญหาก่อน แล้วจึงทำการรักษา หากพบว่าฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าเกณฑ์ และสามารถเพิ่มได้อย่างปลอดภัย ก็ต้องจำเป็นต้องได้รับการเพิ่มฮอร์โมนเพศชายร่วมกับการใช้ยาฟื้นฟูกล้ามเนื้อเพศ การเสริมฮอร์โมนเพศชายก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูอาการอีดีร่วมกับวิธีอื่น ไม่ใช่เพิ่มฮอร์โมนเพศชายอย่างเดียวแล้วจะแข็งตัวได้เหมือนอย่างที่เคยเข้าใจกัน

อย่างไรก็ตาม วิธีที่ถูกต้องในการเสริมฮอร์โมนเพศชายนั้น จะต้องได้รับการตรวจร่างกาย ตรวจเลือดให้ละเอียด โดยเฉพาะค่า (PSA) พีเอสเอ จะต้องต่ำกว่า 4 จึงจะเพิ่มฮอร์โมนชายได้ และได้รับการวินิจฉัยพิจารณาจากแพทย์ก่อนเสมอ อย่าพยายามเพิ่มฮอร์โมนเพศชายด้วยตัวเอง เพราะมีอันตรายมากถ้าใช้ฮอร์โมนเพศชายในผู้ที่มีโรคมะเร็งซ่อนอยู่ เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น ขอเตือนว่า อันตรายอย่างมาก

—————
ดร.อุ๋มอิ๋ม