เข้าสู่เดือนที่ 3 ของปี มีนา-มีหนังแบบนี้ จะพลาดได้ไง ล่าสุดกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แนวกีฬามวยสากลอย่าง Creed III ซึ่งในภาคนี้มีการจัดหนักจัดเต็ม ถ่ายทำด้วยกล้อง I-MAX เพื่อให้มุมภาพเต็มอิ่มทุกอารมณ์ หรือใครอยากจะดูไป ลุ้นไป ชนิดสะเทือนหัวใจตับไตไส้พุง ก็เชิญไปยลแบบ 4DX ได้เลย สำหรับหนังเรื่อง Creed ภาคแรกนั้น เป็นการสานต่อตำนานมวยโลกของ “ร็อกกี้” ซึ่งจะเป็นการปั้นนักมวยขึ้นมาใหม่ โดยหนังเล่าเรื่องราวของ “อโดนิส ครีด” หรือ D (รับบทโดย ไมเคิล บี จอร์แดน) ลูกชายของอดีตแชมป์มวยโลก “อะพอลโล ครีด” ที่เสียชีวิตตั้งแต่เขายังไม่ลืมตาดูโลก และถึงแม้จะไม่เคยพบหน้าพ่อเลยสักครั้ง แต่ความเป็นนักมวยที่อยู่ในสายเลือดนั้น ทำให้เขาไม่เคยย่อท้อ หนุ่มน้อยออกตามหา “ร็อคกี้ บัลบัว” (รับบทโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) เพื่อขอให้เขาเป็นเทรนเนอร์ ดึงเอาความสามารถในสายเลือดออกมาคว้าแชมป์โลก
มาต่อกันที่ Creed II หนังเล่าถึงความท้าทายใหม่ของ “อโดนิส ครีด” หรือ D ที่คว้าเข็มขัดแชมป์มวยโลกมาหมาด ๆ ต้องเจอกับคู่ปรับอย่าง “วิกเตอร์ ดราโก้” (รับบทโดย ฟลอเรียน มุนเตอานู) ลูกชายของ “กัปตัน ไอแวน ดราโก้” (รับบทโดย ดอล์ฟ ลันด์เกรน) คนที่ทำให้พ่อของเขาต้องสิ้นใจบนสังเวียนชกเมื่อสามสิบปีก่อน ท่ามกลางชีวิตที่เปลี่ยนผัน ทั้งการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของตัวเอง โดยมีคู่หูต่างวัยอย่าง “ร็อคกี้ บัลบัว” ที่อยู่เคียงข้างในทุกย่างก้าว ท้ายที่สุด D ก็สามารถป้องกันแชมป์โลกเอาไว้จนได้
เรื่องย่อ Creed III
ภาพยนตร์จากผลงาน เมโทร โกลด์วิน เมเยอร์ พิกเจอร์ส ฝีมือ “ไมเคิล บี. จอร์แดน” นักแสดงตัวหลักและผู้กำกับเรื่องนี้ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ D กลายเป็นราชามวยโลกแบบไร้ข้อกังขา เขาเกษียณตัวเอง (แขวนนวม) เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บสะสมในร่างกาย รวมทั้งดูลูกสาว “อมารา ครีด” (รับบทโดย มิลา เดวิส-เคนท์) ชีวิตที่มีความสุขจู่ ๆ ก็เกิดพลิกผัน เมื่อเพื่อนรุ่นพี่ในวัยเด็กอย่าง ดาเมียน (รับบทโดย โจนาธาน เมเจอร์ส) ได้รับการปล่อยตัว หลังจากการถูกขังในเรือนจำเป็นเวลานานกว่า 18 ปี “ดาเมียน” อยากพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาคือผู้คู่ควรกับการเป็นแชมป์ จนกระทั่งโอกาสมาถึง เขาสามารถกระชากเข็มขัดจากนักมวยในค่ายของ D ไปอย่างง่ายดาย ท้ายที่สุด D มารู้ภายหลังว่า ทุกอย่างต่างเป็นแผนการของ “ดาเมียน” ที่ต้องการพรากทุกอย่างไปจากเขา ทางเดียวที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ให้จบลงได้ คงเหลือเส้นทางเดียวคือ ไปทวงแชมป์คืนกลับมาเท่านั้น แต่เพราะ D ห่างเหินไปจากเวทีไปยาวนาน อีกทั้งยังมีอาการบาดเจ็บสะสม ศึกนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
จุดแข็ง
เป็นหนังแนวกีฬาที่ดูสนุก มีการโชว์มุมกล้องสัมผัสใกล้ชิดกับนักมวยแบบจัดหนักจัดเต็ม ต่อยจริงเจ็บจริงไม่มีสตั๊นต์! ยิ่งใครได้ไปดูในโรง I-MAX ด้วยแล้ว สาแก่ใจแน่นอน แต่ก็ต้องแนะนำให้ไปนั่งแถวบน ๆ น่าจะดีที่สุด ในส่วนของบทและเนื้อเรื่อง อันนี้ไม่ได้สปอยล์ แต่อย่างไร ตัวอย่างหนังโชว์ให้เห็นแล้วว่า ไร้เงาของ “ร็อคกี้” หรือ ป๋า (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) อีกทั้งในตอนจบของ Creed II ก็ระบุชัดเจนแล้วว่า “ร็อกกี้” แยกทางจาก D กลับไปเยี่ยมลูกชายและหลาน ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับวงการมวยอีกแล้ว ดังนั้นในเรื่อง Creed III จึงเป็นการโชว์พลังของ “ไมเคิล บี. จอร์แดน” ในวันที่ไร้เงา ป๋าซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ซึ่งเมื่อดูไปแล้ว ก็ยังพอกล้อมแกล้มถูไถไปได้ หนังยังแฝงแง่คิดในเรื่องการให้อภัยตัวเอง การให้อภัยผู้อื่น น้ำใจในนักกีฬา และความรักความอบอุ่นของครอบครัว เป็นการนำเสนอได้น่าสนใจระดับหนึ่ง
จุดอ่อน
การใช้บทดราม่ากับปมอดีตของตัวละคร มายัดใส่ปัญหาในครอบครัว เหมือนกับต้องการประดังเอาปัญหามากอง ก่อนจะยำให้เละ แต่กลับกลายเป็นเรื่องชวนน่าเบื่อ ดูสะเปะสะปะ วกไปวนมา บางตอนเนือยจนผู้ชมงีบหลับได้สบาย ๆ แถมปมที่ผูกไว้ก็ไม่ยอมเฉลย เกิดข้อสงสัยขึ้นมากมาย อย่างเช่น ปมปัญหาของ “อมารา ครีด” ลูกสาวที่ใช้ความรุนแรงกับเพื่อนหลังโดนแกล้ง ซึ่งหนังก็ไม่ได้บอกแนวทางการแก้ไข หรือ จะเป็นปมในอดีต “ดาเมียน” การต่อสู้ในช่วงอยู่ในเรือนจำ ไปจนถึงเส้นทางก่อนที่จะมาเจอกับ D งานนี้ทำเอาคนดู ต้องกุมขมับกันเลยทีเดียว บางครั้งก็อนุมานให้เข้าใจไปว่า หนังคงพยายามจะเล่าบางอย่าง และเลือกที่จะไม่เล่าบางอย่าง เผื่อไว้ในภาคต่อไป แต่สุดท้ายมันก็เหมือนกับความพยายามที่จะปรุงแต่งให้อาหารดูน่าอร่อย สวนงามเลิศหรู แต่กลับไร้รสชาติ จนไม่มีใครอยากชิมอีกต่อไป…
3/5 สำหรับหนังแนวกีฬาที่ดูแล้วได้ลุ้นความเดือดบนเวที โชว์งานภาพสวยงามทุกมุมมอง แต่ยังไม่ผ่านในเรื่องการดำเนินเรื่อง รวมไปถึงเนื้อหาที่ขาดหายไปหลายสิ่ง งานนี้บอกเลยว่าแฟนหนังภาค1-2 จะรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ
——————————————–
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ เมโทร โกลด์วิน เมเยอร์ พิกเจอร์ส
