ความคิดที่ว่าทำไมถึงไม่มีหนังไทยที่เหมือน ๆ กับ 007 ของ “เสี่ยเจียง” สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ และทำไมเราถึงไม่มีภาพยนตร์แบบมาร์เวล ได้นำมาสู่การสร้างจักรวาลหนัง “ขุนพันธ์” ขึ้นโดยผู้กำกับ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ที่ได้ไปขออนุญาตจากทางบ้านของขุนพันธ์ หรือ ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) โดยตรง เพื่อนำมาสร้างหนังซูเปอร์ฮีโร่ของไทย ที่ต่อสู้กันด้วยวิชาอาคม

“ขุนพันธ์” คืออดีตนายตำรวจชื่อดังของวงการตำรวจไทย ที่มีชื่อเสียงเป็นอันมากในการปราบโจรร้ายในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย ในภาคกลาง เช่น เสือฝ้าย, เสือหวัด, เสือย่อง, เสือผ่อน, เสือครึ้ม, เสือปลั่ง, เสือใบ, เสือดำ, เสืออ้วน, เสือไหว, เสือมเหศวร ที่พัทลุง ปราบ เสือกลับ และ เสือสัง หรือ เสือพุ่ม ที่นราธิวาส ปราบผู้ร้ายทางการเมือง ในปี พ.ศ. 2481 จากผลงานที่สามารถปราบโจรและเสือร้ายต่าง ๆ ได้มากมาย จึงได้รับฉายา เช่น นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า, นายพลตำรวจหนวดเขี้ยว, ขุนพันธ์ฯ ดาบแดง (เชื่อกันว่าเป็นดาบที่ตกทอดมาจาก พระยาพิชัยดาบหัก ฝักดาบมีถุงผ้าสีแดงห่อหุ้ม ตัวดาบมีความคมกล้า), รายอกะจิ (อัศวินพริกขี้หนู), จอมขมังเวทย์ ฯลฯ

ขุนพันธ์ ภาคแรก ฉายเมื่อปี 2559 ส่วน ขุนพันธ์ 2 ฉายเมื่อปี 2561 และนี่คือ ขุนพันธ์ 3 ในปี 2566 ที่เล่าถึงมือปราบหนวดเขี้ยวหนังเหนียวในตำนาน ที่ออกปราบเหล่าเสือโจรร้ายด้วยวิชาอาคมคงกระพัน พร้อมสอดแทรกเรื่องเอ็กโซติก (แปลกประหลาด, ไม่ธรรมดา) การเมือง ความเชื่อ ศรัทธา และความเป็นมนุษย์ ทำให้หนังมีมิติเชิงลึกที่น่าสนใจ

สำหรับในภาค 3 ย้อนหลังไปเมื่อปี 2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง จึงถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจล่าตัว 2 เสือร้ายอาคมกล้าที่กำลังฮึกเหิมและท้าทายอำนาจรัฐ โดยที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวได้ นำไปสู่การหวนเหยียบถิ่นเสืออีกครั้งของขุนพันธ์ ท่ามกลางเหล่าเสือร้ายที่หมายเอาชีวิต และพร้อมพิพากษามือปราบคงกระพันด้วยความตาย การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือมเหศวรและเสือดำ แต่ภารกิจครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

จุดแข็งของ ขุนพันธ์ 3

ดาราชื่อดังร่วมแสดงเพียบ ไม่ว่าจะเป็น อนันดา เอเวอริงแฮม, มาริโอ้ เมาเร่อ, “โตโน่” ภาคิน คำวิลัยศักดิ์, “น้อย” กฤษดา สุโกศล แคลปป์, “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ ฯลฯ พร้อมการแสดงอันทรงพลัง

ฉากแอ็คชั่นสุดอลังการงานสร้างตระการตา มีฉากใหญ่ ๆ หลายฉาก โดยเฉพาะในช่วงท้ายเรื่องที่จัดหนักจัดเต็มจนทำให้ผู้ชมนึกไปถึง “Avengers: Endgame” ได้เลย มีฉากเท่ ๆ มากมาย ที่ให้คนดูได้เฮได้เชียร์กัน

วิชวลและ CG ที่น่าทึ่ง เกินมาตรฐานหนังไทย ฉากเสกคาถาอาคมต่าง ๆ ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม น่าประทับใจ และน่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยที่มีหนังไทยซึ่งเรากล้าที่จะเอาไปอวดชาวโลก

การสอดแทรกเรื่องการเมือง ศรัทธา ความเชื่อ เรื่องเวรเรื่องกรรม เอาไว้ในหนังได้อย่างกลมกล่อม

จุดอ่อนของ ขุนพันธ์ 3

CG จระเข้ แม้ส่วนใหญ่จะทำได้ดี แต่ก็มีบางฉากบางช่วงเวลาที่ดูไม่แพง และดูหลอกเกินไป

ช่วงกลางเรื่องอาจเดินเรื่องช้า และยืดยาดไปสักหน่อย

4.5/5
ขุนพันธ์ 3 ดุดันไม่เกรงใจใคร!! เป็นหนังที่ทำให้ “หมีเช” รู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทย กล้าเอาหนังเรื่องนี้ไปโชว์ให้คนต่างชาติดู แน่นอนว่า มันไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือดียอดเยี่ยมระดับห้าดาว สิบเต็มสิบ แต่โดยภาพรวมนี่เป็นหนังที่ดี ดูสนุก คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่เสียเงินเข้าไปดูในโรง แม้จะขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง แต่ดูรู้เลยว่า ทีมงานทุ่มเทกันขนาดไหน แอ็คชั่นท้ายเรื่องจัดหนักจัดเต็ม เอาเรื่องสุด ๆ ใครไม่เคยดูภาค 1 กับ 2 ก็สามารถดูได้ แต่ถ้าได้ดูมาก่อน จะยิ่งเพิ่มอรรถรสในการชมให้มากขึ้นไปอีก และรับประกันว่า คนที่ไม่เคยดูจักรวาลขุนพันธ์มาก่อนเลย เมื่อคุณชมภาค 3 จบ คุณจะอยากกลับไปดูภาค 1 และ 2 อย่างแน่นอน

สำหรับใครที่สงสัยว่าจะมีภาค 4 หรือไม่ ผู้กำกับก้องเกียรติได้ให้สัมภาษณ์ไว้แล้วว่า มีแน่นอน และน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนักแสดงขุนพันธ์จาก อนันดา เป็นคนอื่น รวมทั้งเขาอาจจะไม่กำกับแล้ว แต่ไปรับบทบาทอื่นแทน.

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : หมีเช
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : สหมงคลฟิล์ม