“ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงไทย ไปไม่ถึงฝั่งฝันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก สมัย 3

ความไม่พร้อมจากรอบคัดเลือกเอเชีย ที่้โอกาสเปิดกว้าง ทำให้ตกมาเล่นงานยาก กับรอบเพลย์ออฟ ระดับทวีป

แคเมอรูน คือด่านแรก หากผ่านไปได้ จะไปตัดกับโปรตุเกส เพื่อชิงพื้นที่ไปฟุตบอลหญิงโลก 2023

กระนั้นก็ตามบันไดฝันสะดุดแค่นัดแรก ทีมชาติไทย แพ้คู่แข่งจากกาฬทวีป 0-2

ทีมชุดนี้จะว่าไปแล้ว ถือว่าเตรียมตัวดีมาก ไปเก็บตัว ไปซ้อมต่างประเทศ ทั้ง ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์ เสียอย่างเดียวคือ ไม่มีเกมอุ่นเครื่องกับทีมระดับเทียบเคียงกันกับคู่แข่งจริง เพื่อจำลองการเล่นก่อนแข่งจริงได้

นี่หากตอนรอบชิงแชมป์เอเชีย พร้อมได้สักครึ่งของรอบเพลย์ออฟ ก็น่าจะได้ตั๋วไปแล้ว

การไม่ได้ไปบอลหญิงโลกของไทย ถือเป็นการตอกย้ำสัญญาณไม่ดี ส่วนทางกับที่เพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ ได้ไปเล่นฟุตบอลหญิงโลกครั้งแรก

จะว่าไป นึกย้อนตั้งแต่จบฟุตบอลหญิงโลก 2019 ทีมฟุตบอลหญิงไทยก็อยู่ในสภาพฝืดสนิทมาโดยตลอด

ระดับอาเซียน ไม่ได้แชมป์เลย โดยได้ที่ 2 ศึกเอเอฟเอฟ 2 ครั้ง และเหรียญเงินซีเกมส์ 2 ครั้ง

มองในภาพรวม ผู้เล่นยุคโกลเดนเจเนอเรชั่น อยู่ในช่วงปลาย ไม่โรยรา ก็เลิกรา อย่าง กาญจนา สังข์เงิน ไม่ติดโผไปนานแล้ว เช่นเดียวกับ พิสมัย สอนไสย์, ดวงนภา ศรีตะลา, รัตติกาล ทองสมบัติ, อรทัย ศรีมะณี

คนที่อายุยังน้อย และน่าจะเป็นกำลังของทีมอย่าง “มิรันดา” สุชาวดี นิลธำรงค์ ก็แขวนสตั๊ด

นักเตะชุดเพลย์ออฟบอลโลก มีอายุเกิน 30 ปี หลายคน วราภรณ์ บุญสิงห์(33), วารุณี เพ็ชวิเศษ(32), สุนิสา สร้างไธสง(34), ธนีกานต์ แดงดา(30), อิรวดี มาครีส(31) ขณะที่ “หมิว” ศิลาวรรณ อินต๊ะมี 29 ปี

ขณะเดียวกันรุ่นที่ตามมา ช่องว่าง ช่วงวัย ห่างกันพอสมควร เรียกว่าสอดรับกันไม่ทัน

ระบบการแข่งฟุตบอลหญิงในประเทศ อาจเป็นปัจจัยสำคัญ ฟุตบอลลีกหญิงในไทย ไม่แข็งแกร่ง รายการแข่งมีน้อย เมื่อก่อน พอทีมชาติเรียกตัวกันที ก็มาเริ่มฟิตกันใหม่ทีนึง

โควิด-19 มีผลแน่นอน ไม่ใช่ว่ามาอ้าง เพราะทำให้ชีพจรบอลหญิงไทยหยุดชะงัก ขณะเดียวกัน นักเตะที่ไปเล่นต่างแดนก็มีน้อย

จะมีรุ่นหลังๆ ที่กล้าที่จะก้าว “ใบหม่อน” จณิสตา จินันทุยา ที่ไปเล่นกับฝรั่งเศส แต่แค่นี้ไม่พอ

ช่วงถ่ายเลือดของบอลหญิงไทย ใช้เวลานานพอสมควร จริงๆ แผนนี้เริ่มตั้งแต่สมัย “โค้ชก้าง” นฤพล แก่นสน แล้ว แต่ถึงตอนนี้ ยุค มิโยะ โอกาโมโตะ ก็ยังไม่กลมกลืน

ปฏิเสธไม่ได้คือ แต่ละชาติก็พัฒนาขึ้นมาด้วย อย่าง ฟิลิปปินส์ ขณะที่ทีมที่เราเคยเบ่งตัวสู้ได้ ก็เดินหน้าไปไกล ยิ่งต่อย ยิ่งน่วม

กระนั้นก็ตาม ทุกอย่างมีขึ้นมีลง ตรงนี้อาจเป็นวัฏจักร ที่เราไปสูงสุดมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2 สมัย การเว้นวรรคหนนี้ คือสัญญาณเสื่อมถอย และเตือนว่า ต้องหาที่ตั้งหลัก ปักฐานให้ดี อย่าให้ลงไปกว่านี้

ไม่แน่ใจว่าอนาคตของ มิโยะ จะยังคุมทีมบอลหญิงไทยต่อไปหรือไม่ แต่ในสภาพแบบนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีปฏิกริยาตอบสนองที่รวดเร็ว ด้วยผลงานในสนาม

งานใหญ่พลาดไปแล้ว แต่โลกยังไม่ดับ ยังมีการแข่งขันใหม่ๆ รออยู่เสมอ และปีนี้ก็มีอีกเพียบ

ใกล้ๆ นี่เลย ฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ 2024 เริ่มคัดเลือกรอบแรกแล้ว วันที่ 3-11 เม.ย. ไทย อยู่กลุ่ม D ร่วมกับ ศรีลังกา, สิงคโปร์, มองโกเลีย โจทย์คือต้องแชมป์กลุ่ม เพื่อเป็น 1 ใน 7 สู่รอบต่อไปกับยักษ์ใหญ่ เกาหลีเหนือ,ญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย,จีน และ เกาหลีใต้ รวมเป็น 12 ทีม

การคัดโอลิมปิก ยากเย็นแสนเข็ญกว่าบอลโลกหลายเท่า เพราะคัดแค่ 2 ทีม เอาตรงๆ แม้ไม่ได้ไปปารีส แต่ยังไงขอให้เกาะไปให้นานที่สุด

นอกจากนี้ ยังมี ซีเกมส์ ที่เราไม่ได้แชมป์มา 3 สมัยแล้ว ได้แต่มอง เวียดนาม คล้องเหรียญทองตาปริบๆ ก็จะเตะกันเดือน พ.ค.

เอเชียนเกมส์ ที่หางโจว ก็รออยู่ในเดือน ก.ย. เป้าหมายคือเข้ารอบรองฯ ให้ได้เป็นครั้งแรก หลังจากหนก่อนแม้จะเข้ารอบน็อกเอาท์ แต่รอบแรกแพ้รวด เดชะบุญระบบแปลกๆ อุ้มเข้ารอบแม้มี 0 แต้ม แต่ก็จอดหมดสภาพอยู่ดี โดน จีนยิง 5 เม็ด

ชิงแชมป์อาเซียนก็จะเตะปีนี้ เราก็ไม่ได้แชมป์ 2 สมัยแล้ว

ดังนั้น เป้าหมายหลักมอดไหม้ไปแล้ว ต้องรีบปาดน้ำตา เศร้าใจได้ แต่ไม่มีเวลาคร่ำครวญกันนาน ล้มได้ ต้องพร้อมจะลุกต่อ

เห็นในความตั้งใจกับทีมฟุตบอลหญิงชุดนี้ ในการพยายามสร้างผลงานที่ดีกลับมา

ค่อยๆ ตั้งต้นกันใหม่ กับรายการใกล้ตัว พยายามกลับมาคว้าแชมป์ พยายามสร้างความสำเร็จให้ได้

เป็นน้ำทิพย์ชโลมจิต เพิ่มความมั่นใจ พร้อมกับสร้างกระดูกไปทีละข้อ

เพื่อที่วันหน้า ในอนาคตอันใกล้ เราจะกลับไปสู่ที่ที่เคยอยู่ได้อีกครั้ง.

*** วุฒินล บุญวานิช ***