ควันหลงศึกซักฟอก วันที่ 15- 16 ..ที่ผ่านมา อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เป็นไปตามคาดที่ฝ่ายค้านได้โอกาส ’ถอดหน้ากากคนดี“ ออกมาให้ประชาชนได้เห็น ผลงานชิ้นโบดำ ของรัฐบาลประยุทธ์ ก่อนจะรูดม่านลงสนามเลือกตั้ง

ไม่ว่าจะเป็นปัญหา แก๊งมังกรข้ามชาติ ที่แอบเข้ามาทำ ธุรกิจสีเทา ในประเทศไทย ฝังรากลึกจนปีกกล้าขาแข็ง นำเม็ดเงินมหาศาลไปฟอกผ่านสารพัดธุรกิจ หลังโดน รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล นำข้อมูลเข้าไปถล่ม พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่สวมหมวกประธาน ก.ตร. กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง

รังสิมันต์ เปิดแผลใหม่ จาก “ตู้ห่าว” ยังมี “หยู ซิน ฉี” ตั้งสมาคมผิดกฎหมายในไทย แอบอ้างสถาบันและบุคคลสำคัญไปแสวงหาผลประโยชน์ ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังเรื่องราวถูกตีแผ่กลางสภา พล...สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. นำกำลังลุยจู่โจมจับ หยู ซิน ฉี คาบ้านหรูย่านวัชรพล และตรวจสอบสมาคมฯ ย่านเลียบทางด่วน เบื้องต้นเอาผิด 3 ข้อหารวด ตั้งสมาคมเถื่อนไม่มีใบอนุญาต, ผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.ควบคุม
การเรี่ยไร

ม้วนเดียวจอดจริง ๆ ถูกดำเนินคดีแล้วจะผลักดันออก เพิกถอนวีซ่าขึ้นแบล็กลิสต์ถาวร ห้ามเข้าประเทศไทย!!

นอกจากปัญหาแก๊งมังกรที่มีตำรวจเข้าไปพัวพันเป็นหางว่าวแล้ว อีกปมใหญ่ในยุทธจักรสีกากีที่ถูกหยิบเข้าไปถล่มในศึกซักฟอกด้วยคือ ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เรียกว่าจะก่อนหรือหลังรัฐประหารที่สัญญาเอาไว้จะเข้ามา ปฏิรูปตำรวจก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 สารพัดปัญหาในองค์กรตำรวจ ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน เผลอ ๆ จะหนักยิ่งกว่าเดิม

ตำรวจไร้เส้นสาย ไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่เคยไปถือพานดอกไม้กราบอวยพรนักการเมือง พอคำสั่งประกาศออกมา ตำแหน่งไม่ได้ขยับยังพอว่า หลายคนเจอโยกย้ายแบบ เตะโด่งข้ามห้วย (ข้ามกองบัญชาการ )ไปพื้นที่ไกลปืนเที่ยง หรือเป็นเพราะบรรดา ตำรวจมดงาน รับใช้ประชาชน มุ่งมั่นทำงานตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการ งานแทบจะล้นหน้าตัก บางหน่วย เสี่ยงตายสืบสวนคดีอาชญากรรมใหญ่หามรุ่งหามค่ำ แทบจะไม่ได้เจอหน้าครอบครัว ที่สำคัญคงไม่มีเวลาไปวิ่งเต้นกับใคร

ยิ่งช้ำใจไปตาม ๆ กันกับคำสั่งล่าสุด ระดับ รอง ผกก.-สว. (วาระประจำปี 2565) ทยอยออกคำสั่งไปเมื่อ 31 ม.ค. 66 มีผลใช้บังคับ 10 ก.พ. 66 ตร. สังกัด บช.. จำนวนไม่น้อยทำงานอยู่ในเมืองหลวง ถูกโยกข้ามห้วยแบบไม่รู้ตัว บางนายนั่งอบรมอยู่ในโรงเรียนผู้กำกับฯ ยังมึนงงราวไก่ตาแตก พวกผมทำความผิดอะไรกัน? โดนเตะย้ายข้าม บช.

เชิงผา เคยเขียนให้เห็นปัญหาแต่งตั้งโยกย้าย ตั้งแต่ระดับ “รอง ผบ.ตร.- ผบก.” พอคำสั่งออกก็เจอ นายพลสีกากี ไปยื่นฟ้องศาลปกครอง จนต้องคืนความชอบธรรม หรือคำสั่ง“รอง ผบก.-ผกก.” ก็มีชื่อ ผกก.มือปราบ ในนครบาล ขนาดผลงานโดดเด่น นำทีมจับ คดียาเสพติดสำคัญรายใหญ่ ยังเจอเตะโด่งข้าม บช.เช่นกัน พอสื่อตีข่าวยังดีมี อดีตรอง ผบ.ตร. ทนดูไม่ไหวต้องออกโรง ยื่นหนังสือถึง บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จนทบทวนแก้ไขเปลี่ยนแปลง ในส่วนคำสั่งล่าสุด “รอง ผกก.-สว.” ถือเป็นอีกกำลังสำคัญระดับ มดงาน ใกล้ชิดประชาชน หลายคนต่างท้อใจไปตาม ๆ กัน

นาย ๆ ไม่สร้างขวัญกำลังใจก็อย่าปล่อยให้มดงาน ท้อแท้หมดศรัทธาต่อองค์กรไปมากกว่านี้ บิ๊กเด่น คงไม่ลืมนโยบาย ’ยึดหลัก เป็นกลาง เที่ยงธรรม โปร่งใส ชี้แจงได้ทุกเรื่อง“ ลองให้ทีมงานไปหยิบคำสั่งล่าสุดมาส่องรายชื่อ ’ตำรวจ บช..“กี่นาย? ถูกจิ้มออกนอกหน่วยมีเหตุผลอะไรบ้าง หลายนายโชคดีพอมีโอกาสวิ่งไป ขอถอนรายชื่อ ออกทัน

แต่บรรดาตำรวจนายไม่รู้จัก ไม่มีรถหรูขับ ไม่ใช่นามสกุลดัง คนทำโผอยากจะดึง “เด็กตัวเอง” เข้ามาเสียบ แล้วเตะ “คนเก่า” ไปไกลแค่ไหน ไม่ต้องสนคุณธรรมว่าครอบครัวคนที่ถูกย้ายออกไปไกลแบบไม่ทันตั้งตัว จะลำบากกันมากน้อยเพียงใด ขอแค่ทำคำสั่งให้พวกตัวเองได้สำเร็จก็พอ!! 8-9 ปีในยุคของรัฐบาลประยุทธ์ “ปฏิรูปตำรวจ” จึงยังคงเป็นเรื่องไกลเกินฝัน

————
เชิงผา