ธรณีพิบัติภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของตุรกี ถือเป็นความท้าทายครั้งหนักหนาสาหัสที่สุดให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ทั้งในด้านการกู้ภัยและการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย อีกทั้งเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะมีผลอย่างมาก ต่อการตัดสินใจของประชาชน ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า คือ “บททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี” ของผู้นำตุรกี วัย 68 ปี ซึ่งครองอำนาจสูงสุดทางการเมืองของตุรกี ยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2546 เริ่มจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนรั้งตำแหน่งประธานาธิบดี ตั้งแต่ปี 2557

Al Jazeera English

ทั้งนี้ เออร์โดกัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน ครอบคลุม 10 จังหวัด ในภูมิภาคทางตะวันออกและทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งนี้ พร้อมทั้งยอมรับ “ความล่าช้าในระยะแรก” ของการบริหารจัดการสถานการณ์หลังแผ่นดินไหว แต่ให้คำมั่นการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่มีการประเมินจำนวนผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 13.5 ล้านคน

ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี

ด้านผู้สันทัดกรณีจากหลายภาคส่วนให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่าการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยซึ่งมีขอบเขตความเสียหายเป็นวงกว้างและรุนแรงขนาดนี้ ย่อมต้องใช้งบประมาณ “หลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ” และจะยิ่งเพิ่มภาวะตึงตัวให้กับเศรษฐกิจของตุรกี ที่อัตราเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 58% และอัตราเงินเฟ้อประจำปี 2565 อยู่ที่ 85% เป็นสถิติสูงสุดในรอบ 24 ปี เรียกได้ว่าเป็นการ “รีเซ็ต” เศรษฐกิจตุรกีทั้งระบบเลยก็ว่าได้

มีการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( จีดีพี ) ของตุรกี จะหดตัวระหว่าง 0.6%-2.0% ในกรณีที่ผลผลิตในภูมิภาคซึ่งได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวมีปริมาณลดลง 50% และต้องใช้เวลาอีกประมาณ 6-12 เดือน ในการฟื้นฟู อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์มองว่า เออร์โดกันซึ่งบริหารประเทศมาแล้ว 2 ทศวรรษ มีประสบการณ์บริหารจัดการบ้านเมืองท่ามกลางภาวะภัยพิบัติมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ไฟป่า น้ำท่วม และแผ่นดินไหวหลายครั้งก่อนหน้านี้ จะสามารถนำพาตุรกีให้กลับมาฟื้นตัวได้ในที่สุด เพียงแค่คราวนี้ต้องใช้เวลานานกว่าปกติสักหน่อยเท่านั้น

ประชาชนในเมืองจินดายริส ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากแผ่นดินไหว พยายามค้นหาทรัพย์สินที่ยังพอใช้งานได้สำหรับการดำรงชีพ

แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเฉพาะในตุรกี พื้นที่ส่วนใหญ่ทางเหนือและตะวันตกของซีเรียได้รับความเสียหายหนักหน่วงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เรียกได้ว่าเป็น “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” สำหรับประเทศซึ่งยังคงติดหล่มอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมือง ที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือน มี.ค. 2554

ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย และนางอัสมาอัสซาด ภริยา ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจประชาชน ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหว ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองลาตาเคีย ทางตะวันตกของประเทศ

แม้สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกยืนยันการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้แก่ผู้ประสบภัยในซีเรียเช่นกัน และต่อให้พื้นที่เกิดแผ่นดินไหวส่วนใหญ่ในประเทศแห่งนี้ เป็นเขตอิทธิพลของกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การส่งมอบความช่วยเหลือ “ให้ราบรื่นและปลอดภัยที่สุดตามหลักการระหว่างประเทศ” ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีการร่วมมือหรือประสานงานกับรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด “ไม่ทางใดทางหนึ่ง” จึงมีการวิเคราะห์เช่นกันว่า จริงอยู่ที่บ้านเมืองกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติ ทว่าสถานการณ์นี้ถือเป็น “โอกาสในการต่อรอง” ของผู้นำซีเรีย

Bloomberg Quicktake

ขณะที่รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญของซีเรีย เป็นประเทศแรกที่ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ซีเรีย ตามด้วยจีน นอกจากนั้นยังมีประเทศอีกหลายแห่งในโลกอาหรับ ไม่ว่าจะเป็นจอร์แดน อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ร่วมกันส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ซีเรีย

หากมองในอีกแง่หนึ่ง รัฐบาลของอัสซาดน่าจะกำลังพยายามอาศัยกระบวนการส่งมอบความช่วยเหลือ ท่ามกลางภาวะภัยพิบัติครั้งนี้ เป็นหนึ่งในเครื่องมือ “สร้างความชอบธรรม” ให้กับตัวเองอีกทางหนึ่งเช่นกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศในโลกอาหรับด้วยกัน ที่ซีเรียกำลังเดินหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และน่าจะมีความเข้าใจต่อความทุกข์ยากของชาวซีเรีย มากกว่ากลุ่มประเทศจากซีกโลกตะวันตก.

ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป

เครดิตภาพ : AFP