ศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล ของสหรัฐ เดินทางมาถึงเกมรอบชิงชนะเลิศ หรือ “ซูเปอร์โบวล์” อีกครั้ง

ปีนี้ เป็นครั้งที่ 57 จัดที่สนามสเตท ฟาร์ม สเตเดี้ยม ในอริโซนา ความจุ 73,000 ที่นั่ง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในคืนวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ. หรือเช้าวันจันทร์ที่ 13 ก.พ. 66 ตามเวลาบ้านเรา นี่ก็จะเป็นเกมประวัติศาสตร์ ที่ว่ากันว่า มีเหตุผลให้เราต้องติดตามมากมายเหลือเกิน

นี่คือ 5 ข้อสั้นๆ ง่ายๆ ว่าทำไมต้องดู “ซูเปอร์โบวล์ 57”

1) เคลซี โบวล์
ทันทีที่ แคนซัส ซิตี ชีฟส์ คว้าตั๋วเข้าชิงไปพบกับ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ สื่อทั่วโลกก็รู้ทันทีว่ามีอาหารอันโอชะรออยู่ เพราะนี่จะเป็นซูเปอร์โบวล์ครั้งแรกที่พี่น้องต้องเจอกันเอง นั่นคือ เจสัน และ ทราวิส เคลซี

ถึงจะอยู่คนละทีม แต่จะเรียกว่าเผชิญหน้าก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะทั้งคู่ต่างเล่นอยู่ในทีมบุก นั่นคือ เจสัน เป็นเซ็นเตอร์ของ อีเกิลส์ ขณะที่ ทราวิส เป็นยอดปีกในของชีฟส์

งานนี้ ใครจะชนะก็ไม่รู้ แต่คนที่มีความสุขที่สุดก็คือ ดอนนา คุณแม่ของทั้งคู่ ที่เตรียมใส่เสื้อเวอร์ชั่นพิเศษ เป็น ชีฟส์ กับ อีเกิลส์ อย่างละครึ่งตัว

ที่พีคกว่านั้นคือ ไคลี ภรรยาของเจสัน ยังกำลังท้องแก่ลูกคนที่ 3 ของพวกเขา อีกคน (หรือหลายคน) ที่งานหนักอึ้ง จึงหนีไม่พ้น “พยายาล” ที่ต้องคอยดูแลคุณแม่ ไม่ให้ลุ้นจนเกินไป!

คุณแม่ดอนนา และ เจสัน กับ ทราวิส ลูกชายทั้ง 2 ของเธอ

2) ควอเตอร์แบ๊กผิวสี
จาเลน เฮิร์ตส์ จอมทัพอีเกิลส์ จะเดินลงสนามในฐานะควอเตอร์แบ๊กผิวดำคนที่ 8 ในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบวล์ และลุ้นเป็นคนที่ 4 ที่พาทีมคว้าแชมป์ต่อจาก ดั๊ก วิลเลียมส์ (1988), รัสเซลล์ วิลสัน (2014) และ แพทริค มาโฮมส์ (2020) คู่แข่งของเขาในเกมนี้

หมายความว่า เกมที่เกล็นเดล ในวันอาทิตย์นี้ จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบวล์ ที่ควอเตอร์แบ๊กของทั้ง 2 ทีมเป็นคนผิวสีนั่นเอง

แพทริค มาโฮมส์ ปะทะ จาเลน เฮิร์ตส์

3) โค้ชเจอทีมเก่า
นี่คือซูเปอร์โบวล์ที่ไม่พลิกล็อก ทั้งอีเกิลส์ และชีฟส์ ต่างเป็นทีมอันดับ 1 ของสายในฤดูกาลปกติ จึงถือเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2018 ที่ทีมอันดับ 1 ของสายเข้าชิงกันเอง

ตอนนั้นก็เป็น อีเกิลส์ ที่เข้าชิงกับ นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ แถมเป็น อีเกิลส์ ชนะ และได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์ครั้งแรก และครั้งเดียวด้วย

ชีฟส์ ก็มี “สตอรี” เช่นกัน เมื่อนี่คือซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 3 ใน 4 ปีของพวกเขา และมันเกิดจากคู่หูเฮดโค้ชกับควอเตอร์แบ๊กคู่เดิม นั่นคือ แอนดี รีด กับ แพทริค มาโฮมส์

รีด นอกจากจะทำได้ดีกับ ชีฟส์ แล้ว เขายังเป็นอดีตโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ของ อีเกิลส์ ซึ่งพาทีมเข้าชิงแชมป์สายเอ็นเอฟซี 5 ครั้ง และได้ซูเปอร์โบวล์ 1 ครั้ง ในการทำทีมที่ยาวนานถึง 14 ปี ก่อนเข้ามาคุมชีฟ เมื่อปี 2013

แต่ นิค ซิเรียนนี เฮดโค้ชหนุ่มของอีเกิลส์ ก็เคยอยู่ในทีมโค้ชของ ชีฟส์ อยู่นานถึง 4 ปีคือ 2009-2012 ก่อนออกไปอยู่กับ ชาร์เจอร์ส และมารับงานหัวหน้าโค้ชเต็มตัวครั้งแรกกับ อีเกิลส์ ในปี 2021

แอนดี รีด วัดกึ๋น นิค ซิเรียนนี

4) รีฮันนา
รีฮันนา คือนักร้องที่ดังมากๆ และกวาดรางวัลทางดนตรีมาแล้วมากกว่า 190 รางวัล

แต่เธอไม่ได้แสดงคอนเสิร์ตมานับตั้งแต่ปี 2018 เพราะหันไปทำธุรกิจด้านแฟชั่น จนประสบความสำเร็จอย่างสูง กอบโกยรายได้มหาศาล มากกว่าตอนเป็นนักร้อง ที่รายได้ก็มหาศาลอยู่แล้วเสียอีก

“ฮาล์ฟไทม์โชว์” ซูเปอร์โบวล์ปีนี้ จะเป็นการกลับมาแสดงบนเวทีครั้งแรกของเธอนับตั้งแต่วันนั้น

รีฮันนา คัมแบ๊กครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018

5) สถิติเหลือเชื่อ

  • คาดว่ายอดผู้ชมเกมนี้ผ่านโทรทัศน์ในอเมริกาจะสูงถึง 100 ล้านคน
  • สถานีโทรทัศน์คาดว่าจะบรรจุโฆษณา 70 ชิ้นในระหว่างเกม สนนราคาอยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์ (ราว 231 ล้านบาท) ต่อ 30 วินาที
  • ราคาตั๋วมือ 2 ที่ถูกที่สุดคือ 4,400 ดอลลาร์ (ราว 145,200 บาท)
  • สมาคมบริษัทรับพนันถูกกฎหมายของอเมริกา คาดว่าจะมีการแทงพนันกันสูงเป็นสถิติถึง 50.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,663 ล้านบาท)
  • สภาผู้ขายไก่แห่งชาติ คาดว่า จะมีการรับประทานปีกไก่กันเป็นสถิติถึง 1,450 ล้านชิ้น
  • แพทริค มาโฮมส์ ลุ้นทำสถิติเป็นควอเตอร์แบ๊กที่ได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์มากกว่า 1 ครั้ง คนที่ 13 ในประวัติศาสตร์
  • มาโฮมส์ ลุ้นเป็นผู้เล่นคนที่ 7 ที่กวาดหมดทั้งผู้เล่นทรงคุณค่าประจำฤดูกาล, ผู้เล่นทรงคุณค่าของซูเปอร์โบวล์ และแชมป์ซูเปอร์โบวล์
  • ไม่เคยมีใครทำสถิติดังกล่าวได้ นับตั้งแต่ เคิร์ต วอร์เนอร์ เมื่อปี 1999 ตั้งแต่นั้น ผู้เล่นที่ได้รางวัลทรงคุณค่าประจำฤดูกาล 9 คน อยู่กับทีมที่แพ้ในซูเปอร์โบวล์.

ป.ล. แฟนๆชาวไทย รับชมการถ่ายทอดสดได้ทางทรูวิชั่นส์ ช่องทรู สปอร์ตส 1 (666) ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ของเช้าวันจันทร์ที่ 13 ก.พ. 66