ในรอบสัปดาห์นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พูดกับสื่อมวลชนระหว่างลงพื้นที่ภาคใต้ 2 วันซ้อนที่ จ.ภูเก็ต และพังงา ว่า การเลือกตั้งปี 62 เป็นการเลือกตั้งในสถานการณ์ไม่ปกติ ประชาธิปัตย์จึงโดนสึนามิการเมืองไปด้วย เพราะประชาชนถูกบังคับให้แบ่งฝ่าย

คือต้องเลือกว่า “เอาทักษิณ” กับ “ไม่เอาทักษิณ” แต่การเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นการแข่งขันระหว่าง “สถาบันการเมือง” และ “พรรคการเมืองเฉพาะกิจ” ตั้งขึ้นมาเพื่อหนุนบุคคลคนเดียว แต่หากวันใดวันหนึ่งคน ๆ นั้นเป็นอะไรไป พรรคดังกล่าวจะหายไปด้วย ดังนั้นถ้าเลือกพรรคเฉพาะกิจ ประชาชนก็จะได้อนาคตเฉพาะกิจ

นั่นเป็นบางช่วงบางตอนที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พูดไว้ที่ภูเก็ต แต่วันรุ่งขึ้นไปพังงา นายจุรินทร์ ย้ำหัวตะปูอีกว่า ปี 62 การเมืองไทยอยู่ในจุดที่ถูกบังคับเลือกข้าง แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว โดยประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่อยู่อย่างมั่นคง ยั่งยืน แต่พรรคที่เพิ่งเริ่มต้นนับหนึ่ง เพื่อมาสนับสนุนตัวบุคคลเป็นการเฉพาะ บางยุคมีพรรคที่ตั้งขึ้นมาเป็นของจอมพลนั่น จอมพลนี่ แล้วสุดท้ายก็อยู่ไม่ได้

แต่ไม่ได้ไปปรามาสว่าพรรคตั้งใหม่จะอยู่ไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองมีหลากหลายกลุ่มที่จะให้ประชาชนใช้ดุลพินิจในการเลือก ถ้าเลือกพรรคเฉพาะกิจ เราจะได้อนาคตเฉพาะกิจ มันเป็นตรรกะทั่วไปที่ประชาชนสามารถทราบได้

“สถาบันการเมือง” ที่นายจุรินทร์พูดถึงคือประชาธิปัตย์ ส่วน “พรรคเฉพาะกิจ” ที่นายจุรินทร์ย้ำนักย้ำหนา “พยัคฆ์น้อย” ขอฟันธง! คือพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯ ต่อไปอีก 2 ปีนั่นเอง

ย้อนไปปี 62 พรรคพลังประชารัฐที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เป็นพรรคเฉพาะกิจหรือเปล่า? แต่ที่แน่ ๆ ฐานเสียงภาคใต้ของพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ คือคนแนวเดียวกัน ไม่เช่นนั้นพลังประชารัฐคงไม่แบ่ง ส.ส. มา 13 คน

ก่อนเลือกตั้งปี 62 นายจุรินทร์เคยปราศรัยไว้ว่าอย่างไร จำไม่ได้หรือ? แต่สุดท้ายก็ลากเอา “สถาบันการเมือง” ไปร่วมหัวจมท้ายกับ “อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร” มาเกือบ 4 ปี ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะแสดงสปิริตลาออกเพราะไม่ยอมรับการร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ใช่มั้ย?

แต่การเลือกตั้งปี 66 ฐานเสียงภาคใต้ ระหว่างประชาธิปัตย์ กับ รวมไทยสร้างชาติ ยังเป็นคนกลุ่มเดียวกันนั่นเอง และกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็แรงพอสมควร แรง! จนนายจุรินทร์ต้องรีบออกมาดักคอไว้ก่อนว่าถ้าเลือกพรรคเฉพาะกิจ ประชาชนจะได้อนาคตเฉพาะกิจ แต่คงลืมว่า “สถาบันการเมือง” เคยไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เคยบอยคอตการเลือกตั้ง 2 ครั้ง อดีตลูกหาบของสถาบันการเมืองหลายคนไปขัดขวางการเลือกตั้งปี 57 แล้วสถาบันการเมืองก็เกาะพรรคเฉพาะกิจเป็นรัฐบาลมาเกือบ 4 ปี

ไม่แน่ว่ากลางปีนี้ “สถาบันการเมือง” อย่างประชาธิปัตย์ อาจจะกระโดดเกาะ “พรรคเฉพาะกิจ” เพื่อเป็นรัฐบาล หรืออาจเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเฉพาะกิจก็เป็นไปได้สูง ของแบบนี้บางทีปากอย่างใจอย่าง อะไรที่ไม่ชอบ จะยิ่งเจอ!

—————————
พยัคฆ์น้อย