Dr.Adikarn จากมหาวิทยาลัยแพทย์สิงคโปร์ ได้ทำการแบ่งระยะเวลาการหลั่งไว ออกเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 หลั่งขณะเล้าโลมยังไม่ได้สอดใส่อวัยวะเพศ ระยะที่ 2 หลั่งด้วยการใช้เวลาน้อยกว่า 5 ครั้งเมื่อสอดใส่เข้าช่องคลอด ระยะที่ 3 หลั่งใช้เวลาน้อยกว่า 2-3 นาทีเมื่อสอดใส่เข้าช่องคลอด และได้แบ่งชนิดของการหลั่งไวออกเป็น 2 ชนิดคือ การหลั่งไวแบบปฐมภูมิ โดยเริ่มต้นตั้งแต่เริ่มหนุ่มจนถึงวัยสูงอายุ และ แบบทุติยภูมิ โดยวัยหนุ่มไม่เป็นแต่มาเป็นตอนสูงอายุ สาเหตุของอาการหลั่งไว ที่พบได้มากคือความรีบร้อนจากการช่วยตัวเองตั้งแต่สมัยหนุ่มและมารีบร้อนตอนมีเพศสัมพันธ์อีก การหลั่งข้างนอกช่องคลอดบ่อยเกินไป จึงเป็นการฝืนสภาพจิตใจให้หลั่งนอกช่องคลอด

การอักเสบบริเวณอวัยวะเพศ เช่นการอักเสบของลูกอัณฑะ ต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะ การได้รับการกระแทกให้ช้ำของอวัยวะในช่องท้องด้านล่างซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น การขี่ม้านาน ๆ ขี่จักรยาน หรือจักรยานยนต์ในระยะทางไกล ๆ การมีระบบเส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงบริเวณอวัยวะเพศมีมากกว่าปกติ การมีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูงแล้วมีอาการอ่อนตัวจึงทำให้รีบร้อนในการทำภารกิจเพราะเกรงว่าอวัยวะเพศจะอ่อนตัว พอรีบมาก ๆ ก็จะเกิดอาการอ่อนตัว หลั่งเร็ว อ่อนตัว หมุนเวียนสลับกันไปมา

ขณะเดียวกัน Dr.Waldinger ให้ข้อคิดด้านพันธุกรรมก็มีส่วนทำให้หลั่งไว คือเป็นเฉพาะตัวมาแต่กำเนิด การรักษาของประเทศไทยใน 15 ปีที่ผ่านมาได้ใช้ยาองค์รวม ยาช่วยระดับควบคุมการหลั่งที่ออกฤทธิ์นาน 24 ชั่วโมง วิธีป้องกันไม่ให้อ่อนตัวแล้วหลั่ง และยาช่วยยืดการหลั่งนาน 5 นาทีถึง 10 นาที ที่ไม่ใช่ยาชาเพราะถ้าใช้มากไปจะแสบ เป็นต้น

การรวมวิธีการรักษาแบบเป็นระบบจะช่วยให้คนไข้ยืดการหลั่งได้เกิน 5 นาทีขึ้นไป แล้วเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มความกล้าที่จะฟื้นฟูจนถึงจุดที่จะลดยาลงได้ การรักษาใช้เวลามากน้อยตามแต่การตอบสนองของคนไข้แต่ละคน บางคนก็ฟื้นตัวเร็ว บางคนก็ยังต้องเสริมการใช้ยาเป็นครั้งเป็นคราวแต่ก็พอใจที่ช่วยให้ตัวเองมั่นใจและช่วยให้ฝ่ายหญิงมีความสุขได้ระดับ 1 ใน 5 ครั้ง เป็นต้น ที่สบายใจที่สุดให้รักษาคู่กับการยืดเวลาการแข็งตัวให้ได้นาน 30 นาทีทุกครั้ง จะเพิ่มความมั่นใจแก่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้ใช้เวลารักษา 1 เดือน

—————
ดร.อุ๋มอิ๋ม